Tuesday, February 18, 2025
ชื่นชมอดีต บทความแนะนำ

สายน้ำแห่งความอารี โอบล้อมก่อร่างสร้างชุมชนเก่าหัวตะเข้

ภายในร้านเอเฟรม

ร้านขายขนมไทยโบราณที่ปรับรูปลักษณ์ ให้ร่วมสมัยจนเกิดเป็นเมนูอย่างอาลัวกุหลาบและวุ้นแฟนซี หรือว่าเจ้าของร้านข้าวมันไก่แป๊ะเซงที่กลับมาบ้านเพื่อดูแลพ่อแม่ที่เก่าเฒ่าขึ้นทุกวัน ก็เป็นดั่งภาพสะท้อนของคนรุ่นใหม่ที่สอดคล้องไปกับชุมชนเก่าได้อย่างไม่ย้อนแยง

อีกจุดหมายปลายทางเด่นประจําตลาดคือบ้านสี่แยกหัวตะเข้ คาเฟ่แอนด์เกสต์เฮาส์ที่ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่นประจําปี ๒๕๕๙ จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ประเภทอาคาร พาณิชย์ เจ้าของคือพี่เปา-ชวลิต สัมธรรมกุล

พี่เปา-ชวลิต สัมธรรมกุล
เจ้าของบ้านสี่แยกหัวตะเข้
คาเฟ่แอนด์เกสต์เฮาส์
บ้านสี่แยกหัวตะเข้ คาเฟ่แอนด์เกสต์เฮาส์
ได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยากรรม
ดีเด่นประจำปี ๒๕๕๙
บ้านสี่แยกหัวตะเข้ คาเฟ่แอนด์เกสต์เฮาส์
ชื่อดังประจำชุมชน

พี่เปาเล่าว่าตนเป็นคนที่นี่ บ้านอยู่ริมคลองประเวศบุรีรมย์ ไม่ไกลจากหัวตะเข้นัก ตอนสมัยเด็กๆ นั่งเรือหางยาวมาเรียนที่โรงเรียนศึกษาพัฒนา ซึ่งอยู่ในตลาดใกล้กับเกสต์เฮาส์ที่ทําอยู่ปัจจุบันนี้ ต่อมามาเรียนช่างศิลป์ และก็เข้ามหาวิทยาลัยศิลปากร เลยได้มีโอกาสสนิทกับเจ้าของร้านเอเฟรมที่ตั้งอยู่ในตลาดเพราะเอางานมาใส่กรอบอยู่บ่อยๆ จึงได้เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวมาเดินตลาดเยอะมาก แต่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีอะไรแล้ว ก็เดินกลับเลย จึงเกิดแรงบันดาลใจอยากให้คนได้เห็นวิถีชีวิตดั้งเดิมแบบที่เคยเป็น ก็เลย เกิดโครงการสร้างเกสต์เฮาส์นี้ขึ้นมา ปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจองที่พักเต็มตลอดทั้งปี

“บ้านนี้ได้ทําเพราะไฟไหม้ตลาดเมื่อสามปีที่แล้ว เกิดจากไหม้หอพักในตลาดที่คนกั้น ห้องให้ชาวพม่าอยู่ ก่อนนี้เคยมีแขกขายโรตี เช่าอยู่ ผมเลยไปคุยกับเจ้าของขอเช่าทั้งหลัง แล้วทําเป็นคาเฟ่แอนด์เกสต์เฮาส์ ที่อนุรักษ์ ความเป็นดั้งเดิมของบ้านเอาไว้”

ว่าวจุฬามือถือทำจากวัสดุตามธรรมชาติอย่างกระดาษสาและใบไม้แห้ง

นอกจากจะเป็นคาเฟ่แอนด์เกสต์เฮาส์ แล้วยังมีกิจกรรมที่พี่เปาคิดขึ้นมาคือ ชักชวน เด็กที่อยู่ละแวกนี้มาทํากราฟิตีแนวสร้างสรรค์ชื่อ Live for life หรือบ้านผลิตภัณฑ์เด็กช่าง ศิลป์ที่เช่าห้องไว้เพื่อเก็บข้าวของตกแต่งให้เช่าสําหรับจัดงานอีกด้วย

ปัจจุบัน ตลาดเก่าริมน้ําหัวตะเข้เป็นดั่ง พื้นที่อนุรักษ์สําคัญแห่งลาดกระบัง ด้วยยึดถือ ประเพณีเฉกเช่นชาวริมลําคลองที่ดํารงชีวิต กันอย่างเรียบง่าย ถ้อยทีถ้อยอาศัย ยึดมั่น ประเพณีดั้งเดิม ณ ริมชายขอบเมืองกรุงเทพฯ

อาจารย์วีระ ผู้เชี่ยวชาญด้านไม้ไผ่และว่าวไทย
ประดิษฐ์ว่าวไทยส่งต่อภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น

ลอยลิ่วลม

ณ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้วิถีถิ่นหัวตะเข้ สถานที่ส่งต่อวิธีการประดิษฐ์ของเล่น ภูมิปัญญา จากรุ่นสู่รุ่น เป็นห้องจัดเวิร์กชอป สอนว่าวจุฬามือถือและว่าวใบไม้ สอนโดยอาจารย์วีระ แจ่มใส อาจารย์เชี่ยวชาญด้านไม้ไผ่และว่าวไทย ผู้ผูกพันกับว่าวไทยมา ตั้งแต่วัยเยาว์ อาจารย์วีระชื่นชอบว่าวและชอบไปเก็บว่าวตามสนามหลวงมาศึกษาโครงว่าว จากนั้นก็ฝึกฝน ทดลองทําเองเรื่อยมากระทั่งทําว่าวขายจนสร้างรายได้ให้ครอบครัวปัจจุบัน หลากหลายสถาบันมักเชิญอาจารย์วีระไปสาธิตการทําว่าว ตลอดจนสอนการทําว่าวไทยให้แก่ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ

เวิร์กชอปสอนทําว่าวแห่งนี้มีอุปกรณ์ให้ครบครัน ทั้งไม้เหลา กระดาษสา ด้าย และ กาว เพียงพอที่จะนําไปประกอบเป็นว่าวจุฬา มือถือให้เด็กๆ วิ่งลู่ลมกันได้แล้ว ส่วนว่าว ใบไม้ ทําจากใบไม้ที่หาได้ตามท้องถนนเมือง ไทย เก็บใบไม้ (พร้อมก้าน) เช่น ชงโค ใบโพธิ์ สอดใส่หนังสือไว้ โดยห้ามวางสิ่งของใดๆ ทับบนหนังสือ ปล่อยหนังสือวางไว้ในที่ร่ม ๔ เดือนเต็ม แล้วนํามาเจาะรู ณ จุด ๑/๓ ของใบ ร้อยด้วยเชือก ทํามุม ๔๐ องศาเพื่อให้ ใบไม้ลิ่วลมได้เต็มที่

“การทําว่าว ไม่ว่าว่าวกระดาษว่าวแฟนซีล้วนเลียนแบบกฎตามธรรมชาติของสัตว์ อย่างไก่และนก ไก่นั้นบินไม่ได้ เพราะแม้มีปีก แข็งแต่หางอ่อนจึงไม่มีแรงยก ขณะที่นกบินได้ เพราะแม้มีปีกอ่อนแต่หางกลับแข็ง” อาจารย์วีระกล่าวถึงวิถีแห่งการประดิษฐ์ว่าว ที่วัสดุอย่างกระดาษสาหรือใบไม้ ล้วนได้แรงบันดาลใจมาจากกลไกตามธรรมชาติ

ก้าวต่อไป ของตลาดเก่าหัวตะเข้

ความสะอาดน่ามองถือเป็นอีกตัวแปรสําคัญของความสําเร็จในการพัฒนาชุมชนเก่า เพราะนอกจากจะจัดระเบียบหน้าบ้านน่ามองในทุกๆ ครัวเรือนแล้ว ทีมงานจิตอาสายังดําเนินการปลูกพืชผักสวนครัวไปทั่วบริเวณ เพื่อให้คนในชุมชนนําไปปรุงอาหารได้ตลอดทั้งปี “การปลูกผักจะนํามาสู่ผลลัพธ์ที่ชุมชน เราต้องการ คือชาวบ้านจะไม่ทิ้งขยะเรี่ยราด ริมทาง เพราะเห็นค่าของพืชผักที่ใช้บริโภคเรียงรายอยู่โดยรอบ ในคลองเราก็ปลูกบัวเพื่อปรับสภาพน้ําให้สะอาดตามกลไกธรรมชาติ” สุวัฒน์กล่าวถึงวิธีอันชาญฉลาดที่มาเปลี่ยน พฤติกรรมของชาวบ้านได้อย่างง่ายๆ

ชุมชนหัวตะเข้นับเป็น แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมทรัพยากรทางธรรมชาติ ทั้งเชิงอนุรักษ์ที่ถือว่าอุดมด้วยคลองขนาบกลางสองฝั่ง ด้านหน้าเป็นเรือนไม้โบราณ ด้านในบ้านเต็มไปด้วยวิถีเก่าที่ยังคงอยู่และศิลปะไทยเชิงผสมผสานด้านหลังยังเป็นป่าและสวนสุวัฒน์กล่าวถึงแผนงานในอนาคตอันใกล้ว่า ด้านหลังชุมชนจะเปิดศูนย์เศรษฐกิจพอเพียง และมีพื้นที่ดูนกกวักเพื่อให้เป็นอีกจุดท่องเที่ยวในชุมชน

ชุมชนหัวตะเข้ตั้งอยู่ในจุด ที่เป็นดั่งศูนย์กลางของหลากสถานที่อัน รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมไทย จนก่อให้เกิดเป็น กิจกรรมวิถีไทย โดยจากตลาดหัวตะเข้สามารถเดินเท้าถึงโรงเรียนพรตพิทยพยัต อัน โดดเด่นด้านการแสดงดนตรีไทยและนวดแผนไทยโบราณ เดินถึงวิทยาลัยช่างศิลปอันเป็นสํานักบ่มเพาะผู้สืบสานศิลปะชาติมากว่า 50ปี และเดินเพียงไปกี่ก้าวก็ถึงตลาดอุดมผล พื้นที่ตลาดในร่ม เปิด ๐๒.๐๐ – ๑๓.๐๐ น. พื้นที่กลาง แจ้งเปิด ๐๒.๐๐ ๙.๐๐ น.

คุณสุวัฒน์ ประธานชุมชน

ชุมชนหัวตะเข้ นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวทาง วัฒนธรรมเชิงอนุรักษ์ที่ ถือว่าอุดมด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติทั้งคลองขนาบกลางสองฝั่งด้านหน้าเป็นเรือนไม้โบราณ ด้านในบ้านเต็มไปด้วยวิถีเก่า

หากมีเวลาทั้งวัน ก็มีทริป นั่งเรือล่องลําคลองไปเยี่ยมชม ตลาดหลวงแพ่ง ตลาดไม้ โบราณริมคลองหลวงแพ่งร้านเต๊กจือโอสถ ร้านขายยาเก่า แก่ที่เปิดมากว่า ๖๐ ปี – บ้าน ดนตรีไทย ที่ถ่ายทอดศาสตร์ ดนตรีไทยให้แก่เด็กในชุมชน โดยไม่หวังผลตอบแทน

ด้วยที่ตั้งอันเป็นเลิศ ผสม ผสานกับเสน่ห์อันไร้การปรุงแต่ง ทําให้ชุมชนหัวตะเข้เป็น จุดสนใจของคนเมืองที่หาที่ผ่อนคลายในช่วง สุดสัปดาห์ และเป็นดั่งโอเอซิส จุดแวะพักของ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ก่อนจะออกเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิไปยังจุดหมายต่อไป

ผนวกด้วยแรงกายและใจของคนในชุมชน ตลาดเก่าริมน้ําหัวตะเข้ย่อมเดินทาง สู่การเป็นจุดท่องเที่ยวอนุรักษ์อันยั่งยืน ที่สมบูรณ์ที่สุดในกรุงเทพฯ ได้ในอีกไม่ช้า


ตลาดเก่าริมนํ้าหัวตะเข้ ลาดกระบัง ซอย ๑๗
ติดตามข่าวสารและกิจกรรมพิเศษวันเสาร์-อาทิตย์ของชุมชนได้ที่ www.facebook.com/LoveHuatakhe

About the Author

Share:
Tags: เที่ยว / เที่ยวไทย / ฉบับที่ 18 / ชุมชนหัวตะเข้ / ลาดกระบัง / ตลาดเก่าหัวตะเข้ /

เรื่องราวอีกมากมายที่คุณจะชอบ