ของคริสตังคณะโดมินิกัน มีความเกี่ยวข้องกับการสวดโดยใช้ลูกประคำ นักบุญดอมินิโกนั้นนับว่าเป็นผู้แรกที่แม่พระปรากฏให้เห็นเป็นนิมิต (แม่พระประจักษ์มา) และแนะนำให้สวดบท “วันทามารีอา” ๑๕๐ จบโดยนับลูกประคำ จนในที่สุดเอาชนะศัตรูที่ข่มเหงศาสนาได้ ส่วนนักบุญคาทารีนาแห่งเมืองซีเอนา ประเทศอิตาลี เกิดขึ้นในชั้นหลัง ซึ่งเป็นประจักษ์พยานสำคัญในผลแห่งการสวดลูกประคำเช่นกัน
ส่วนรูปพระศพพระเยซูเจ้านั้นเก็บไว้ในห้องส่วนหลังของโบสถ์ วางนอนอยู่บนเตียงซุ้มลวดลายสวยงาม มีผ้าคลุมไว้ เมื่อถึงวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ของทุกปี ทางวัดจึงจะอัญเชิญออกมาแห่ให้สาธุชนนมัสการ พระรูปไม้แกะสลักทำสีเหมือนจริง มีริ้วรอยถูกเฆี่ยนและหนามเกี่ยว รอยเลือด รอยแผลที่สีข้างซึ่งถูกแทงด้วยหอก แผลที่มือและเท้าที่ถูกตอกตะปู ตรึงกางเขน เห็นแล้วขนลุกซู่ รู้สึกถึงความทุกข์ทรมานของพระองค์ได้จริง
โบสถ์หลังปัจจุบันนี้มีอายุร่วม ๑๑๗ ปี แต่ทุกอย่างอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เนื่องจากเพิ่งมีการบูรณะใหญ่ในปี พ.ศ. ๒๕๓๐คุณพ่อประวิทย์ พงษ์วิรัชไชย เป็นเจ้าอาวาสอำนวยการซ่อมแซมในแนวอนุรักษ์อย่างดี จนได้รับพระราชทานประกาศนียบัตรอาคารอนุรักษ์ดีเด่นจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ หลังจากนั้นยังมีการซ่อมเฉพาะภาพกระจกสีช่องแสง ซึ่งเป็นศิลปะเก่าแก่ล้ำค่า และงดงาม อำนวยการโดยคุณพ่อวุฒิเลิศ แห่ล้อม ในโอกาสฉลอง ๑๐๐ ปีอาคารโบสถ์หลังปัจจุบัน
ภาพกระจกสีวัดนี้ฝีมือช่างดีมากไม่แพ้กระจกสีในโบสถ์ยุโรปเลย ส่วนเรื่องราวของกระจกสีนั้นเป็นเหตุการณ์สำคัญในพระคัมภีร์เดิมเทียบคู่กับพระคัมภีร์ใหม่ ในกรณีที่มีนัยยะคล้ายกันเป็นคู่ๆ ไป นอกจากนั้นยังมีรูปนักบุญต่างๆ เป็นภาพกระจกสีก็มี เป็นรูปประติมากรรมก็มี เรียงรายอยู่โดยรอบ