ไม่ว่าจะมองพื้น ผนัง เพดาน เก้าอี้ โต๊ะ พระแท่นมิสซา ล้วนงดงามทรงคุณค่าและเต็มไปด้วยเรื่องราว ความหมายทางศาสนาทั้งสิ้น สำหรับคนที่ไม่ค่อยจะมีภูมิหลังทางด้านคริสต์ศาสนาก็ดูแบบ “ผาดๆ” แค่นั้นก็อิ่มเอมเปรมปรีดิ์ ถ้ายิ่งรู้ความหมายเรื่องราว ดูแบบ “พิศๆ” ก็ยิ่งงามซาบซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก (ทางวัดจัดพิมพ์คู่มือชมภาพกระจกสีไว้ด้วย)
พระแท่นหินอ่อนสำหรับทำพิธีนั้นงามสง่าอยู่ตรงกลางใต้รูปแม่พระอุปถัมภ์ หน้าแท่นประดับรูปนักบุญ ๕ องค์ ซึ่งเป็น “มรณสักขี” อันหมายถึงผู้ที่ยอมสละชีพเพื่อรักษาพระศาสนา ซึ่งในประวัติของศาสนาคริสต์จะมีอยู่มากองค์ด้วยกัน ตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันอาณาจักรเติร์ก มาจนถึงยุคกลาง และสงครามศาสนา “ครูเสด”
นอกจากนั้นยังมีพระแท่นเชิญพระวจนะ ถ้าจะเทียบกับพุทธก็คือธรรมาสน์สำหรับแสดงธรรมนั่นเอง ธรรมาสน์ของเดิมเป็นซุ้มไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม มีบันไดเวียนเล็กๆ ให้ขึ้นไปยืน
เชิญพระวจนะแสดงธรรมอยู่ด้านซ้ายของห้องโถงในโบสถ์ใกล้ชิดผู้ฟัง แต่บัดนี้ไม่ได้ใช้แล้ว แต่มีแทนธรรมาสน์ใหม่ตั้งอยู่ด้านหน้าไกลผู้ฟังยิ่งกวาเดิม คุณพ่อประเสริฐ ตรรกเวศม์ ท่านเจาอาวาสปัจจุบัน อธิบายว่า สมัยนี้มีไมโครโฟนแล้ว อยู่ไกลหน่อยผู้ฟังก็ได้ยิน เวลาทำมิสซาทุกอย่างจะอยู่บนเวทีบริเวณหน้าพระแท่นศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฟังไม่ต้องเหลียวไปมาอีกต่อไป
ด้านหลังของผู้ชมจะมีชั้นลอยสำหรับคนเล่นดนตรีและนักร้องเพลงนมัสการ เสียงเพลงจะกระหึ่มก้องไปทั่วทั้งโบสถ์ราวกับเสียงเพลงบรรเลงจากสรวงสวรรค์
บนชั้นลอยจะมีห้องเล็กๆ สำหรับชักระฆังของโบสถ์ ซึ่งสามารถจะชักสายบรรเลงเป็นเพลงตามโน้ตได้เช่นเดียวกับระฆังของวัดซางตาครูส แต่ก็จะเล่นเฉพาะในโอกาสพิเศษ ระฆังแบบนี้แม้ในยุโรปเองก็ไม่ค่อยจะชักสายกันจริงๆ แล้ว มักจะใช้เสียงจากเครื่องเล่นไฟฟ้าและลำโพงแทน แต่ตัวระฆังบนหอจะตั้งไว้ดูเป็นสัญลักษณ์เท่านั้น
วัดนี้เปิดทุกวันตั้งแต่ ๘.๐๐ น. จนถึง ๒๐.๐๐ น. ถ้ามาวันธรรมดาก็จะวุ่นวายหน่อย เพราะโบสถ์อยู่ในบริเวณโรงเรียนกุหลาบวิทยาซึ่งเป็นโรงเรียนของวัด ต้องแลกบัตรที่ป้อมยามประตูโรงเรียน ชั่วโมงพักเด็กจะวิ่งเล่นกันสนุกสนาน ถ้าจะดูพิธีมิสซามาได้ทุกวัน เวลา ๑๙.๓๐ น. ถ้าเป็นวันอาทิตย์จะมีมิสซาตอนเช้าเพิ่มอีกสองรอบ คือ ๘.๐๐ น. และ ๑๐.๐๐ น. ถ้ามารอบ ๑๐.๐๐ น. วันอาทิตย์อย่าแปลกใจถ้าเห็นมิสซาเป็นภาษาจีนแต้จิ๋วผสมกับจีนกลาง เพราะย่านตลาดน้อยนี้เป็นย่านคนจีนนั่นเองบุญศรัทธาความเชื่อในศาสนาเป็นเรื่องไร้พรมแดนจริงๆ มรดกโปรตุเกสจากอยุธยาชิ้นนี้จึงน่าสนใจอย่างยิ่ง