
เช่นเดียวกับพระปรางค์สีเขียวองค์ใหญ่ ประดับกระเบื้องเคลือบทั้งองค์ที่วัดราชบูรณราชวรวิหาร หรือวัดเลียบ เชิงสะพานพระพุทธยอดฟ้า ซึ่งรอดพ้นจากระเบิดในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่พระอุโบสถ พระวิหาร เสนาสนะ เสียหายหมดสิ้น ภายในวัดยังมีวิหารเล็กๆ รูปทรงสถาปัตยกรรมคล้ายกับวัดญี่ปุ่น คือหอเก็บอัฐิของชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาค้าขายในประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งไม่ได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดในครั้งนั้นเช่นเดียวกัน
ผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติได้เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในแผ่นดินสยาม ลงหลักปักฐานอยู่ในย่านต่างๆ รอบพระนคร เช่น ชาวซิกข์แถบพาหุรัด “คุรุดวาราศรีคุรุสิงห์สภา” อาคารยอดโดมสีทอง ริมถนนจักรเพชร คือวัดซิกข์แห่งแรกของประเทศไทย ที่เปิดต้อนรับคนทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา เพราะชาวซิกข์เน้นความเท่าเทียมไม่แบ่งชั้นวรรณะ เอกลักษณ์ของคนกลุ่มนี้คือมีผ้าโพกคลุมศีรษะ ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของกิจการค้าขายผ้า จึงมักเรียกว่า แขกโพกผ้า ทำให้บริเวณริมคลองรอบกรุงแถบพาหุรัดมีร้านอาหารอินเดียให้เลือกชิมอยู่หลายร้าน



คลองรอบกรุงช่วงนี้เป็นช่วงปลายคลองก่อนบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยา เคยเป็นแหล่งค้าขายเครื่องดินเผาของชาวจีนและชาวมอญ จึงเรียกว่า “คลองโอ่งอ่าง” สุดปลายคลองจะพบอาคารไม้สัก หน้าบันแกะสลักเป็นรูปพระราชลัญจกรพระมหาพิชัยมงกุฎอยู่บนพาน มีราชสีห์ถวายพุ่มอยู่สองข้าง ซึ่งรัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเป็นพลับพลาที่ประทับสำหรับเปลื้องเครื่องทรง ยามเสด็จถวายผ้าพระกฐินที่วัดบพิตรภิมุข หรือวัดเชิงเลน ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับเก็บรักษาโบราณวัตถุของวัด หากเข้าไปภายในพระอุโบสถจะพบภาพเขียนลายประแจจีนแซมด้วยดอกไม้ร่วงสีทอง ดูแปลกตากว่าจิตรกรรมฝาผนังวัดอื่นๆ บานประตู หน้าต่าง เป็นศิลปะแบบจีนผสมไทย เป็นอีกวัดหนึ่งในพระนครที่งดงามน่าชม