
แมวโทนจา หรือดําปลอด มีสีดําละเอียด นัยน์ตาสี ดอกบวบแรกแย้ม หาง เรียวยาว ท่าทางการเดิน สง่าเหมือนสิงโต
นอกจาก ๒ พันธุ์เด่นๆ ที่อาจเป็นที่รู้จักและได้ยินชื่อ กันบ้างแล้ว ยังมีแมวไทยให้คุณที่อาจทําให้คนรักแมว อยากออกค้นหามาเลี้ยงอีก แต่หาได้ค่อนข้างยากเพราะ บางพันธุ์สูญหายไปแล้วก็มี ดังนี้
แมวโกนจา หรือดําปลอด มีสีดําละเอียด นัยน์ตา สีดอกบวบแรกแย้ม หางเรียวยาว ท่าทางการเดินสง่า เหมือนสิงโต
แมวนิลรัตน์ สีดําทั้งตัว รวมถึงเล็บ ลิ้น ฟัน ดวงตา และกระดูก หางยาวตวัดได้จนถึงหัว เลี้ยงไว้แล้วเชื่อว่าจะ มีความเจริญ มีทรัพย์ ปราศจากอันตราย
แมววิลาศ มีลําตัวสีดําจากคอไปตลอดท้อง จากสองหูไปจนถึงหางและขาทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเขียว เชื่อว่า เลี้ยงไว้แล้วจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีเงินทองมากมาย
แมวรัตนกําพล ตัวขาวเหมือนหอยสังข์ แต่รอบ ตัวตรงส่วนอกมีลักษณะคล้ายสายคาดสีดํา ตาสีเหลือง เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมีลาภยศ ผู้อื่นยําเกรง
แมวนิลจักร มีลําตัวดําสนิท ที่คอมีขนสีขาวอยู่ รอบเหมือนกับปลอกคอ คนโบราณเชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมีทรัพย์มาก
แมวมุลิลา ลําตัวสีดํา หูสองข้างมีสีขาว ตามีสี เหลืองเหมือนดอกเบญจมาศ เชื่อว่าแมวชนิดนี้เหมาะกับนักบวชเพราะช่วยให้มีการเล่าเรียนดีสมปรารถนา
แมวกรอบแว่น หรืออานม้า มีปานลักษณะอานม้าบนหลัง เชื่อว่าแมวชนิดนี้มีราคาสูงถึงแสนตําลึงทองคําและนําเกียรติยศมาสู่เจ้าของ
แมวปัดเสวตร หรือปัด ตลอดตัวมีสีดําเป็นพื้น ตั้งแต่จมูกไปตามแนวสันหลังถึงปลายหางมีสีขาว ตาเหลืองคล้ายกับพลอย หากเลี้ยงไว้จะมีความเจริญมากกว่า คนในสกุลเดียวกันและได้ลาภยศ
แมวกระจอก แต่ไม่กระจอกเหมือนชื่อ ลําตัวกลม มีสีดํา รอบปากมีสีขาว ตาสีเหลือง เลี้ยงแล้วเชื่อกันว่าจะ ได้ที่ดิน เงินทอง ได้เป็นเจ้านายคน
แมวสิงหเสพย์ หรือโสงหเสพย์ ลําตัวมีสีดํา ที่ปาก รอบคอ จมูกมีสีขาว ตาสีเหลือง ท่าทางเดินสง่าเหมือน สิงโต เลี้ยงแล้วมีสิริมงคล
แมวการเวก ลําตัวสีดํา จมูกสีขาว ตาเป็นประกาย สีทอง เชื่อกันว่าภายใน 6 เดือนที่ได้มาเลี้ยง ผู้เลี้ยงจะได้ ยศศักดิ์และลาภจํานวนมาก
แมวจตุบท ตัวสีดํา เท้าทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเหลือง เหมือนดอกโสน เชื่อว่าให้คุณกับคนเลี้ยง แต่ไม่เหมาะกับ คนทั่วไป สมควรเลี้ยงโดยบุคคลชั้นสูงหรือราชนิกูลเท่านั้น
แมวแซมเสวตร มีขนสีดําแซมขาว มีขนบางและสั้น รูปร่างเพรียว มีนัยน์ตาดั่งหิ่งห้อย กล่าวได้ว่าแมวนี้ เลี้ยงที่มีคุณหนักหนา จงเร่งหามาเลี้ยงเทอญอย่าแคลงสงสัย

แมวสีสวาด แมวโคราช แมวขวัญใจประชาชน
แมวมาเลศ หรือแมวโคราช หรือแมวสีสวาด มีขนสีดอกเลา เปรียบเสมือนเมฆ สีเทายามฟ้าหมาดฝน มีนัยน์ตาหยาดเยิ้ม ประหนึ่งนํ้าค้างยามต้องกลีบบัว ใครพบเร่งให้อุปถัมภ์ แมวนั้นจักนํามาซึ่งสุขสวัสดิ์มงคล ต้นกําเนิดแมวมาเลศ พบที่อําเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หรือที่รู้จักกันในนามว่า โคราช จึงมีอีกชื่อว่าแมวโคราช มีหลักฐาน บันทึกเกี่ยวกับแมวโคราชในสมุดข่อยที่เขียน ขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. ๑๓๕๐-๑๗๖๗ หรือ ประมาณ ปี พ.ศ. ๑๘๙๓-๒๓๑๐ ในบันทึก ได้กล่าวถึงแมวที่ให้โชคลาภที่ดี ๑๗ ตัว ของไทย รวมถึงแมวโคราชด้วย ปัจจุบัน สมุดข่อยนี้เก็บรักษาไว้ที่หอสมุดแห่งชาติกรุงเทพมหานคร
สําหรับแมวโคราชเพศผู้ขนมีสีเหมือนดอกเลา จึงเรียกแมวสีดอกเลา โดยจะมีขนเรียบที่โคนขนมีสีขุ่นๆ เทาๆ ขณะที่ส่วนปลายมี สีเงิน เป็นประกายคล้ายหยดน้ําค้างบนใบบัว หรือเหมือนคนผมหงอก ชื่อแมวโคราช เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยใช้แหล่งกําเนิดของแมวเป็นชื่อเรียกพันธุ์แมว มีเรื่องเล่ามากมายหรือเป็นตํานานเล่าขานเกี่ยวกับแมวโคราช รวมถึงตํานานพื้นบ้านที่กล่าวถึงการที่แมวโคราชยิ่งมีหางหงิกงอมากเท่าไร ก็จะมีโชคลาภมากเท่านั้น (แม้ว่าลักษณะหางหงิกงอจะไม่ใช่มาตรฐานพันธุ์ตามหลักของ CFA ก็ตาม) แต่คนไทยบางกลุ่มเรียกแมวโคราชว่า แมวสีสวาด คนสมัยโบราณมีความเชื่อว่าแมวสีสวาดเป็นแมวนําโชคลาภของคนโคราช และคนเลี้ยงทั่วๆ ไป จะนํามาซึ่งความสุขสวัสดิ มงคลแก่ผู้เลี้ยง แมวสีสวาดเคยประกวดชนะ เลิศในระดับโลกมาแล้วเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ที่สหรัฐอเมริกา เป็นแมวตัวเมียชื่อว่าสุนันและเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศมาก จึงนับ ได้ว่าแมวไทยทําชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยเป็นอันมาก
แมวโคราชถูกนําไปเลี้ยงในสหรัฐอเมริกา เป็นครั้งแรกโดย Cedar Glen Cattery ใน รัฐออริกอน โดยได้รับมาจากพี่น้องชื่อนารา (Nara) และดารา (Darra) ในวันที่ ๑๒ มิถุนายน ปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ประมาณเดือน มีนาคม ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ นักผสมพันธุ์แมว โคราชและแมวไทย (วิเชียรมาศ) ชาวรัฐ แมริแลนด์ ได้นําแมวโคราชประกวดในงานประจําปีและได้รับรางวัลชนะเลิศจนเป็นที่รู้จัก กว้างขวาง ปัจจุบันมีการผลักดันให้แมว โคราชขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ประจําชาติไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๒
วิลามาเลศพื้น
บนดังดอกเลาราย
โคนขนเมฆมอปลาย
ตาดังนําค้างย้อย
พรรณกาย
เรียบร้อย
ปลอมเสวตร
หยาดต้องสัตบง

แมวให้โทษ ไม่น่ารัก ไม่น่าเลี้ยง
นอกจากแมวให้คุณแล้ว ยังมีแมวลักษณะที่เชื่อกันว่า เป็นแมวร้ายให้โทษด้วย มี 5 ชนิด ดังนี้
แมวทุพพลเพศ ลักษณะ ขนมีสีขาว ดวงตาสีแดง ดั่งโลหิตทาตาไว้ มีนิสัยชอบลักขโมยปลาไปกินทุกค่ำคืน (สมัยก่อนคนไทยกินข้าวกินปลาเป็นหลัก จึงมีปลาวางไว้ มากมายในบ้าน แต่หากเป็นสมัยนี้เจ้าแมวน่าจะหาปลา ขโมยยากขึ้น) ใครเลี้ยงไว้จะให้โทษไม่เป็นสุข เกิดความ เดือดร้อนแรงผลาญ
พรรณพยัคฆ์ หรือลายเสือ ลักษณะ มีขนลาย เหมือนเสือ ลักษณะขนเหมือนชุบด้วยเกลือกับแกลบ มีนัยน์ตาสีแดงเจือสีเปือกตมมีเสียงร้องเหมือนเสียงผีโป่งร้องอยู่ตามป่าเขา ถือว่าเป็นแมวให้โทษอีกหนึ่งชนิด
แมวปีศาจ เป็นแมวที่กินลูกตัวเอง ออกลูกมากี่ตัวกินหมด ลักษณะขนสาก ตัวผอม หนังยาน โบราณจัดเป็น แมวร้าย อย่านํามาเลี้ยงไว้
พิณโทษ ลักษณะ เป็นแมวนํามาซึ่งสิ่งเลวร้าย นํา ภัยพิบัติมาสู่บ้าน ใครเลี้ยงไว้จะไม่เป็นมงคล ออกลูกมา มักจะมีลูกตายอยู่ในท้อง
กอบเพลิง เป็นแมวลึกลับ ชอบซ่อนตัวหลบหลีกผู้คน พอเห็นคนมันจะเดินหรือรีบวิ่งหนี ใครเลี้ยงไว้จะมีโทษถึงตัว
เหน็บเสนียด ลักษณะ มีลักษณะเหมือนค่าง ชอบเอาหางขดซ่อนไว้ใต้ก้นเสมอ มีรูปร่างพิกลพิการ อย่าเลี้ยง ไว้ในบ้านจะทําให้เสียชื่อเสียงและเกียรติยศ
เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้มีการอนุรักษ์แมวไทย อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ทําให้ปัจจุบันแมวมงคลสูญพันธุ์ ไปแล้วถึง ๑๓ ชนิด หลงเหลือให้คนรุ่นหลังได้เลี้ยงดูและ เชยชมอยู่เพียง 4 ชนิดเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก ที่พันธุ์แมวไทยแท้เหลือน้อยลงทุกวัน เพราะหลายคนก็ มองข้ามแมวไทย หันไปเลี้ยงแมวสายพันธุ์ของต่างประเทศเป็นจํานวนมาก แต่สถานการณ์แมวไทยค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะเด็กและแม้แต่ผู้ใหญ่บางคนยังไม่รู้จัก แมวไทย ถ้าถามถึงสนนราคาค่าตัวแมวไทยที่เป็นพันธุ์ มงคล ปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ ๕,000-5,000 บาท
ทั้งนี้ แมวไทยสามารถเพาะพันธุ์จําหน่ายทําเป็นอาชีพได้เพราะตลาดต่างชาติให้ความสนใจ ตอนนี้ตลาด ในญี่ปุ่นราคาซื้อขายถึงตัวละ ๒๐๐,๐๐๐ บาทเลยทีเดียว คุณอิสริย รัตนะวีระวงศ์ ผู้เพาะพันธุ์แมวไทยสีสวาดหรือ แมวโคราช และเป็นเจ้าของ บุญมาก แมวพันธุ์สีสวาดราคา ๒๕๐,๐๐๐ บาท เผยว่า ปัจจุบันตลาดต่างประเทศนิยมแมว สีสวาดและแมววิเชียรมาศ ซึ่งได้รับการสั่งซื้อทั้งจากเอส โตเนีย เยอรมนี ญี่ปุ่น ส่วนสาเหตุที่ราคาสูงนั้นเนื่องจาก เลี้ยงด้วยเนื้อวัวสด เลี้ยงในห้องแอร์ตลอด ๒๔ ชั่วโมง เพื่อ ให้ได้โครงสร้างขนาดใหญ่ พร้อมฝังไมโครชิปและฉีด วัคซีนให้ครบ มีใบรับรองหรือเพ็ดดีกรี ก่อนส่งมอบให้เจ้าของที่อายุ ๔ เดือน

แมวพันธุ์ที่พบได้มากที่สุดในปัจจุบัน
แมวขาวมณี หรือขาวปลอด เป็นสายพันธุ์ ที่พบเห็นได้มากสุดในปัจจุบัน เป็นแมวไทย โบราณที่ไม่ได้มีบันทึกไว้ในสมุดข่อย จึงเชื่อ ว่าเป็นแมวที่เพิ่งกําเนิดในต้นยุครัตนโกสินทร์ นี่เอง นิยมเลี้ยงไว้ในราชสํานักครั้งหนึ่งใน สมัยรัชกาลที่ ๕ แมวชนิดนี้เป็นที่โปรดปราน มาก ในต่างประเทศนิยมเลี้ยงกันเป็นคู่เพื่อให้ผลัดกันทําความสะอาดขน เป็นแมวที่ค่อนข้างเชื่อง เหมาะสําหรับการเลี้ยงเป็นเพื่อนได้ เป็นอย่างดี
ลักษณะเด่นของขาวมณีคือ สีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้น นุ่ม รูปร่างลําตัวยาว ขาเรียว ทรงเพรียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกิน ใป หัวไม่กลมโต แต่เป็นทรงสามเหลี่ยมคล้าย หัวใจ หน้าผากแบนใหญ่ หูขนาดใหญ่และตั้ง ตรงจมูกสั้น ดวงตารีเล็กน้อย นัยน์ตาเป็นสี ฟ้าหรือเหลืองอําพันสีใดสีหนึ่ง เมื่อนําแมวขาวมณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขางมณีตาสีอําพัน ลูกที่ออกมาจะมีตาสองสี คือ สีฟ้าข้าง หนึ่งกับสีเหลืองอําพันข้างหนึ่ง ซึ่งเป็น ลักษณะที่ถูกควบคุมโดยยีนด้อย ในแมวขาวมณีแทบทุกตัวจะมีจุดด้อย เช่น ถ้ามีตาสอง สีมักมีตาข้างหนึ่งที่ไม่ดี อาจมองเห็นไม่ชัด หรือมองไม่เห็นเลย ถ้าแมวตาสีฟ้ามักจะหู พิการ หรือไม่ได้ยินเสียงมากนัก และแมวตา สีเหลืองอําพันมักมีต่อมขนที่ไม่ดี
อย่างไรก็ดี แม้ปัจจุบันแมวไทยที่เราพบเห็น ดูเหมือนจะเป็นแมวบ้านๆ แมวที่ไม่มีลักษณะเด่นอะไร หรือบางตัวก็ไม่อาจระบุสายพันธุ์ได้ แน่ชัดนัก แต่สําหรับคนรักแมว แค่เห็นแวว ตาใสๆ แค่เห็นความน่ารัก หรือความเย่อหยิ่ง ของพวกเธอ บางคนก็ยอมยกพื้นที่ครึ่งหนึ่ง ของหัวใจให้แมว พร้อมพื้นที่ในบ้านที่สามารถ เดินเพ่นพ่านได้ จะยืดเหยียดยาว หรือขดตัว กลมตรงใหนก็ได้
เพราะความเป็นสัตว์ที่แม้จะมีเขี้ยวเล็บ แหลมคม มีความรักอิสรเสรี มีความเย่อหยิ่ง ไม่เอาใจ แต่ในยามที่แมวมาออดอ้อน คลอเคลีย ก็ทําให้ผู้คนตกหลุมรัก และยอม ที่จะผูกพันดูแล สัตว์ตัวเล็กสี่ขาหน้าตาน่ารัก ที่ชื่อว่า แมว อย่างหมดใจตลอดไป