ในการสะสมผลงานศิลปะสมัยใหม่ มีแนวคิดว่าผลงานที่จะมีราคาสูงต้องดูอินเตอร์ ไม่ดูเป็นผลงานของชาติใดชาติหนึ่ง นักสะสมที่ใดๆในโลกเขาจะได้เข้าใจ เผื่อจะสนใจหันมาสะสมด้วย ตลาดของผลงานนั้น ๆ ก็จะยิ่งกว้างขวางหลุดออกจากอาณาเขตประเทศต้นกำเนิด ไปมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และมีนักสะสมมากมายหลากชาติ หลายภาษาให้ราคาแข่งขันกัน
แนวคิดทำนองนี้ฟังดูมีเหตุมีผล แต่เอาเข้าจริงในบางสถานการณ์ก็ไม่สามารถแอพพลายได้ โดยเฉพาะในบ้านเราที่ผลงานศิลปะที่ดูไทยจ๋าแบบสุด ๆ บางชุด กลับกลายเป็นที่เสาะแสวงหาจนมีมูลค่าพุ่งทะยานแซงผลงานในแนวอื่น ๆ ที่ดูอินเตอร์ไปซะทั้งหมด
เคยมีนักสะสมหลาย ๆ ท่านถามไถ่กันมาว่า ถ้าให้เปรียบผลงานศิลปะสมัยใหม่ของไทยกับพระเครื่อง อะไรคือผลงานชุดสุดยอดเบญจภาคี งานศิลปะ 5 ชิ้นที่คอลเลคชั่นศิลปะชั้นนำระดับชาติสมควรมี หากกำหนดคุณสมบัติในการเลือกสรรว่าผลงาน 5 ชิ้นนั้นต้อง สวยสะดุดตาน่าประทับใจ เป็นงานชุดที่ดีที่สุดของศิลปินที่ดังที่สุด มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ศิลปะของชาติ เป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมผู้มากประสบการณ์ หายาก และมีมูลค่าสูง ในมุมมองของเราเบญจภาคีทางศิลปะที่ว่าเลยจะต้องประกอบไปด้วย ผลงานสีน้ำมันจากยุคเริ่มแรกที่ใช้สีสันแพรวพราวของ ถวัลย์ ดัชนี ผลงานสีน้ำมันจากยุคที่เรียนอยู่ในอิตาลีของ เฟื้อ หริพิทักษ์ ผลงานสีน้ำมันชุดไผ่บัวของ ทวี นันทขว้าง ผลงานสีน้ำมันชุดจักรวาลของ ประเทือง เอมเจริญ และผลงานที่ครองตำแหน่งที่สุดของที่สุดในหลากหลายคุณสมบัติถึงจนจะขาดไปจากลิสต์ไม่ได้เลยคือ ผลงานสีน้ำมันชุดนางละครของ จักรพันธุ์ โปษยกฤต
เพื่อให้เกิดมโนภาพว่าพิเศษสุดอย่างไร เรามานำภาพวาดสีน้ำมันชุดนางละครชิ้นงาม ๆ ซักชิ้นมาค่อย ๆ พิจารณาคุณสมบัติไปทีละข้อกันดีกว่า ซึ่งภาพที่ชื่อว่า ‘พระสังข์ทองกับนางรจนา’ ที่จักรพันธุ์ วาดขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 น่าจะเป็นตัวอย่างที่เหมาะเจาะ
เรื่องสวยสะดุดตา รับประกันได้เลยว่างานของจักรพันธุ์นี่ไม่มีใครเกิน ตัวละครแต่ละตัวแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยอาภรณ์ที่ระยิบระยับกรุยกราย เยื้องย่างอยู่ในบรรยากาศกึ่งฝันนั้น จักรพันธุ์บรรจงวาดออกมาได้งดงามละเมียดละไม จนหากใครได้มองจะเข้าใจวลีที่ว่า ‘ได้เห็นเป็นบุญตา’ นั้นรู้สึกอย่างไร เอกลักษณ์ของผลงานจักรพันธุ์ คือ การถ่ายทอดฉากในวรรณคดีไทยให้ออกมาเหมือนว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ แต่ในเวลาเดียวกันก็ดูเหมือนจะไม่จริงเพราะทุกอย่างช่างพอเหมาะพอเจาะงดงามเหนือจริง อย่างภาพพระสังข์ทองกับนางรจนานี้ เป็นฉากที่เกิดหลังจากที่ท้าวสามลผู้ครองเมืองสามล มีการจัดหาคู่ให้ธิดาทั้ง 7 โดย นางรจนาธิดาองค์สุดท้อง ไม่ยอมเลือกบุรุษผู้ใด แต่กลับเลือกเจ้าเงาะ เพราะนางรจนาเห็นรูปทองที่ซ่อนอยู่ในรูปเงาะจึงเสี่ยงมาลัยไปให้ ด้วยเหตุนี้ท้าวสามลจึงพิโรธมากถึงกับขับไล่นางรจนาให้ไปอาศัยอยู่ในกระท่อมปลายนากับเจ้าเงาะ ในภาพวาดเราจึงเห็นนางรจนานั่งพับเพียบเอนกายมาสัมผัสเจ้าเงาะขณะถอดรูปซึ่งก็คือ พระสังข์ทอง ในขณะเดียวกันพระสังข์ทองก็สบตาพลันเอามือแตะแขนนางรจนาไว้เบาๆอย่างทะนุถนอม ถึงฉากด้านหลังของภาพดูมืดสลัวๆตัดกับออร่า และความอะร้าอร่ามของตัวละคร แต่ก็พอบอกได้จากความเรียบง่ายว่านี่คือกระท่อมปลายนาที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่รายล้อม
แววตา สีหน้า และท่าทางของนางรจนาสื่ออารมณ์ออดอ้อน ไร้เดียงสา ส่วนรอยยิ้มน้อย ๆ สายตา และกริยาของพระสังข์ทองให้ความรู้สึก เอ็นดู ปกปักรักษา เป็นโมเมนต์ที่เข้ากันพอดิบพอดีกับแสง และบรรยากาศแวดล้อมที่อบอุ่น ในขณะที่เคลิบเคลิ้มไปกับความลึกซึ้งของอารมณ์ ทำเอาเราเกือบจะเชื่ออย่างสนิทใจว่ามีคู่รักคู่นี้อยู่จริงๆบนโลก แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าการสวมชฎา และชุดปักเลื่อมแบบจัดเต็มนั่งจีบกันในกระท่อมมันมีแต่ในละคร หรือลิเก
ถ้าถามว่าชุดนางละครเป็นผลงานชุดที่ดีที่สุดของศิลปินที่ดังที่สุดไหม หากจะตอบแบบเซฟ ๆ ก็ต้องบอกว่า ถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียง งานศิลปะที่สร้างสรรค์โดยจักรพันธุ์นั้นมีหลากรูปแบบ ที่คุ้น ๆ ตากันก็เห็นจะมีจิตรกรรมภาพเหมือนบุคคล จิตรกรรมแบบลวดลายไทยประเพณีที่นำมาประยุกต์จนเป็นเอกลักษณ์ ผลงานหุ่นกระบอกซึ่งรวบรวมศิลปะหลายแขนงเอาไว้ด้วยกัน และจิตรกรรมชุดนางละครอันเลื่องชื่อ ซึ่งโดยปกติแล้วศิลปินที่เก่งอะไรมาก ๆ จะมีความสามารถแบบสุด ๆ ไปในทางใดทางหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าวาดภาพเหมือนบุคคลเก่ง ก็จะไม่ถนัดวาดลายไทย หรือในทางตรงกันข้าม ถ้าวาดลายไทยเก่งก็จะวาดภาพคนไม่เหมือน แต่สำหรับจักรพันธุ์นั้นเก่งเหนือมนุษย์มนา เพราะมีความสามารถวาดแนวอะไรก็ได้ให้ออกมาสวยดูดีไปทั้งหมดจนเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับต้น ๆ ในทุก ๆ แนวทางศิลปะที่จักรพันธุ์เลือกที่จะสร้างสรรค์
เป็นที่รู้กันว่าในบรรดาผลงานหลากรูปแบบของจักรพันธ์ ภาพวาดชุดนางละครนั้นนับว่าเป็นที่นิยมในหมู่สาธารณชนมากที่สุด เพราะดูสวยงามดีต่อใจ เนื้อหาไม่รุนแรง และไม่เฉพาะเจาะจงจนเกินไปว่าเป็นรูปเหมือนใคร ทำให้แขวนประดับง่าย ด้วยเหตุนี้จึงมีการนำภาพวาดนางละครไปผลิตซ้ำเป็นภาพพิมพ์ โปสการ์ด ปฏิทิน รวมถึงนำไปประกอบในหนังสือ นิตยสาร มากมาย อย่างภาพพระสังข์ทองกับนางรจนาชิ้นนี้ก็เคยถูกเผยแพร่อยู่ในสื่อต่าง ๆ รวมถึงถูกตีพิมพ์เป็น ส.ค.ส. จำหน่ายเพื่อนำรายได้ไปทำบุญสมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลเด็กด้วย
ในแง่ความสำคัญอันเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ศิลปะสมัยใหม่ของชาติ ชื่อ จักรพันธุ์ โปษยกฤต นั้นได้ถูกจารึกไว้ในฐานะศิลปินคนสำคัญที่พัฒนาศิลปะไทยให้มีชีวิตชีวาทันยุคทันสมัย ภาพชุดนางละครก็เป็นการนำความงดงามของฉากวรรณคดี และนาฏศิลป์ไทยที่มีตั้งแต่สมัยบรรพกาล มาปัดฝุ่นขัดสีฉวีวรรณให้ผุดผ่องสดใส ด้วยการถ่ายทอดออกมาโดยเทคนิคการวาดภาพด้วยสีน้ำมันแบบสากล ผนวกกับทฤษฎีการสร้างสรรค์ศิลปะสมัยใหม่ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากตะวันตก ผลงานที่ออกมาจึงไม่ดูโบร่ำโบราณคร่ำครึ สามารถเข้ากับจริตผู้คนในยุคสมัยปัจจุบันได้
ขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมาใช้เวลายาวนาน เพราะจักรพันธุ์ไม่มีวันตะบี้ตะบันทำงาน ภาพจะถูกวาดในช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่แสงพอเหมาะในแต่ละวันเท่านั้น และไม่วาดแบบรวดเดียวจบ ในห้องทำงานของจักรพันธุ์ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของบ้านย่านเอกมัยมีขาหยั่งตั้งภาพที่วาดค้างไว้หลายภาพอยู่รายล้อม วันไหนอยากเติมสีภาพไหนก็จะขยับภาพนั้นออกมาวาด วันรุ่งขึ้นอยากวาดภาพอื่นก็จะหยุดวาดภาพเดิมที่ค้างเอาไว้ก่อน แล้วสลับเอาภาพอื่นมาวาดแทน กว่าภาพวาดสีน้ำมันแต่ละภาพจะแล้วเสร็จมักกินเวลาเป็นเดือน ๆ แต่ละปีจึงมีผลงานออกมาไม่มาก คนซื้อไม่ต้องกลัวโหล กลัวแต่จะไม่ได้ภาพกลับบ้านเพราะทุกชิ้นมักมีผู้ขอเป็นเจ้าของแล้วก่อนภาพจะวาดเสร็จด้วยซ้ำ มิหนำซ้ำยังมีคิวจองต่อยาวเป็นหางว่าว และก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีสิทธิ์ต่อคิวได้ถึงแม้มีเงินพร้อมจ่ายก็เถอะ ผู้ซื้อต้องผ่านเกณฑ์หลายอย่าง นโยบายคล้ายๆกับร้านนาฬิกา หรือกระเป๋าแบรนด์เนมระดับโลกในปัจจุบัน
ส่วนเรื่องความนิยม และความหายาก ภาพวาดชุดนางละครนับว่าไม่เป็นสองรองใคร ผลงานแต่ละชิ้นจักรพันธุ์พิถีพิถันในการสร้างสรรค์มาก เริ่มจากการเตรียมอุปกรณ์อย่างดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ สีที่ใช้เลือกสรรมาจากหลากยี่ห้อเพราะแต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติต่างกัน ส่วนพู่กันจักรพันธุ์ใช้ของ สง่า มะยุระ เพราะสนิทสนมชอบพอกับสง่าตอนที่ได้รับคัดเลือกให้ไปวาดภาพบนกำแพงวัดพระแก้วด้วยกัน ในการวาดภาพจักรพันธุ์จะนิมิตภาพขึ้นมาในหัว แล้วเริ่มสเก็ตช์ส่วนประกอบสำคัญเช่นใบหน้า มือ เท้า และเครื่องแต่งกาย หลาย ๆแบบด้วยดินสอลงบนกระดาษเพื่อนำมาเปรียบเทียบก่อน หลังจากนั้นจึงนำส่วนต่าง ๆที่คิดว่างามที่สุดมาวาดประกอบกันเป็นตัวละครแบบเต็มตัวด้วยดินสอบนกระดาษอีกครั้ง วาดซ้ำ ๆปรับไปปรับมาจนพอใจถึงจะลงมือร่างภาพลงบนผ้าใบด้วยพู่กันแต้มสีน้ำตาลอ่อน ๆ หลีกเลี่ยงการร่างด้วยดินสอ เพราะรอยของดินสอจะทำให้ภาพดูสกปรก ในการลงสีจักรพันธุ์จะเริ่มจากการระบายแสงเงาในฉากหลัง แล้วถึงมาวาดตัวละครตรงบริเวณที่เว้นไว้ ส่วนประกอบเล็ก ๆยุบยิบบนเครื่องแต่งกายจะค่อย ๆถูกแต้มให้เกิดเป็นประกายด้วยพู่กันเก่าที่ใช้มายาวนานจนเหลือขนไม่กี่เส้น สีหน้า และแววตาของตัวละครจะถูกวาดอย่างละเอียดบรรจงที่สุดเป็นอันดับสุดท้าย เหมือนเป็นการชุบชีวิตตัวละครในภาพให้ขยับเขยื้อนเยื้อนกายได้
พอได้มายาก รอนาน แถมสวยถูกใจ เจ้าของภาพต่างก็รัก ต่างก็หวงแหนดุจไข่ในหินเป็นธรรมดา และที่ไม่ธรรมดาคือเจ้าของแต่ละท่านล้วนเป็นเจ้าขุนมูลนาย ข้าราชการชั้นสูง หรือไม่ก็คหบดีระดับอภิมหาเศรษฐี จะตามขอแบ่งภาพวาดจากบุคคลเหล่านี้ถ้าคอนเนคชั่นไม่ถึง หรือปัจจัยที่เตรียมไว้ไม่ใกล้เคียงราคาที่ตั้งไว้สูงแบบทะลุชั้นบรรยากาศด้วยอารมณ์ไม่อยากขาย ก็อย่าหวังว่าเจ้าของภาพเขาจะใจอ่อนเลย
ด้วยดีมานด์มหาศาลอันไม่สอดคล้องกับซัพพลายที่จำกัดจำเขี่ย บวกกับอุปสรรคอันยากลำบากในการซื้อหาต่าง ๆนา ๆจึงนำไปสู่ราคาซื้อขายในตลาดที่สูงยิ่งกว่าผลงานของศิลปินไทยที่โกอินเตอร์ไปแล้วเสียอีก ปรากฎการณ์นี้ก็คล้าย ๆกับที่เกิดขึ้นกับสุดยอดพระเครื่องเบญจภาคีอย่างพระสมเด็จวัดระฆัง ทั้ง ๆที่รูปลักษณ์ และความเชื่อด้านพุทธคุณนั้นแสนจะเป็นไทยสุด ๆ นิยมกันเองในประเทศ ไม่ได้แคร์ว่าจะต้องโกอินเตอร์ เพราะจำนวนพระแท้ในตลาดนั้นมีน้อยกว่าจำนวนคนไทยใจถึงที่อยากเช่าบูชามาก แค่ในบ้านเราก็มีไม่พอแล้ว หากต่างชาติอุตริอยากได้ด้วยก็คงต้องรอกันไปก่อน
ภาพวาดสีน้ำมันชุดนางรำไม่เคยเป็นของถูก เพราะเมื่อวาดเสร็จจักรพันธุ์ก็ตั้งราคาขายเป็นล้านแล้ว แถมใคร ๆก็รู้ว่าจักรพันธุ์รักภาพวาดราวเลือดเนื้อเชื้อไข ไม่ได้จะขายภาพทุกภาพ วาดเสร็จแล้วหวงเก็บไว้เองก็มาก และก่อนจะตกลงปลงใจให้ภาพใด ๆไปอยู่กับใครก็ต้องสัมภาษณ์จนแน่ใจว่าผู้นั้นรัก และชอบจริง ๆ ไม่ได้ซื้อไปเก็งกำไร ด้วยเหตุนี้จักรพันธุ์จึงรู้ และจดจำได้ว่าภาพไหนไปอยู่ที่ใครบ้าง พอเจ้าของภาพคิดจะขายก็เกรงว่าอาจารย์จะรู้เข้า และเสียใจ เหมือนไปขอลูกสาวเขามาได้แล้วสุดท้ายก็แยกทาง
อยากรู้ไหมว่าภาพวาดชุดนางรำที่วาดด้วยสีน้ำมันชิ้นเด็ด ๆปัจจุบันราคาแค่ไหน ที่ผ่านตาล่าสุดมีภาพขนาดประมาณครึ่งตารางเมตรซื้อขายกันไปที่ราคาราว ๆ 1 ล้าน ไม่ใช่บาทนะ แต่เป็นยูเอสดอลลาร์ ถ้าเอามาเทียบกับที่ดินทำเลที่แพงที่สุดในเมืองไทยแถว ๆชิดลมที่ประเมินกันว่ามีราคาตารางวาละ 4 ล้านบาท นั่นหมายความว่าหากภาพวาดมีพื้นที่เท่ากันคือ 1 ตารางวาจะเท่ากับ 1 ล้านดอลลาร์ คูณแปดเท่ากับ 8 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบๆ 292 ล้านบาท แพงกว่าที่ดินที่แพงที่สุด 73 เท่า โอ้วพระเจ้า!!! ที่ดินดี ๆราคาขึ้นเร็ว งานศิลปะชิ้นดี ๆนี่ก็ไม่แพ้กัน
แต่ก็เหอะ แต่ไหนแต่ไรมา หากไปเยินยอจักรพันธุ์เรื่องความนิยม และราคาภาพวาดที่สูงเกินใคร จักรพันธุ์จะไม่ยินดียินร้าย หรือคุยโวโอ้อวดในความสำเร็จ แต่จะยกความดีงามทั้งหมดให้แด่อาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ด้วยจิตกตัญญู ดังที่จักรพันธุ์เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับนิตยสารศิลป ฉบับที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2526 ว่า
‘เขาคุยกันว่า อาจารย์นี่เป็นคนที่โชคดีกว่าคนอื่น ๆ อยากจะทำอะไร…ก็รู้สึกประสบความสำเร็จ แต่บางคนจะทำอะไรทำไมไม่ประสบความสำเร็จ…แต่ตัวผมเองมีความรู้สึกว่าผมไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร…
ผมก็นึกถึงอาจารย์อยู่เรื่อย ถ้าเราไม่ได้อาจารย์เราก็คงยังไม่มีฝีไม้ลายมืออะไรเลย ป่านนี้จะเป็นอะไรอยู่ก็ไม่รู้’
‘คนที่เป็นคนเนรคุณคน หรือคุณพ่อแม่ครูบาอาจารย์ต่อให้เขียนรูปพระหรือรูปอะไร สีก็จะสกปรก…ถึงแม้ว่าอาจจะมีคนที่เนรคุณแล้วประสบความสำเร็จ แต่ก็คงจะเป็นช่วงสั้นๆ นิดหน่อยแล้วก็จะล้มเหลว…’
เพราะระลึกถึงคุณอาจารย์ที่ไว้วางใจถ่ายทอดวิชาจนมีวันนี้ได้ จักรพันธุ์จึงมุ่งส่งต่อความรู้ที่มีให้กับลูกศิษย์ลูกหาสืบต่อไป เงินทองที่ได้จากการสร้างสรรค์งานศิลปะถึงจะมากแต่ก็ไม่ได้เอาไปใช้จ่ายตามอำเภอใจที่ไหน แทบทั้งหมดถูกนำมาเป็นทุนรอนในการสอนลูกศิษย์ บริหารคณะหุ่นกระบอก ศาสตร์ที่หากไม่อนุรักษ์ไว้ก็จะเลือนหาย รวมถึงจัดตั้งโรงละคร และพิพิธภัณฑ์เพื่อเก็บรักษางานสกุลช่าง จักรพันธุ์ โปษยกฤต ผลงานร่วมสมัยที่ช่วยต่อลมหายใจศิลปะไทย