เลิกทาส
คำว่า ‘ทาส’ เป็นคำที่มีใช้ในภาษาบาลีและภาษาสันสกฤตหมายถึงทาสหรือคนใช้ ในอินเดียเรียกหญิงที่เป็นคนใช้ว่านางทาสี มีเรื่องกล่าวถึงเมื่อ 2,600 ปีมาแล้ว
นิตยสารอนุรักษ์ ฉบับที่ 1
เรื่อง : ส.พลายน้อย
ภาพ : สายลม นัยยะกุล
ส่วนคนไทยจะได้มีทาสใช้มาแต่สมัยใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แม้ในสมัยสุโขทัยจะมีกล่าวถึงการซื้อคน (หลักที่ 2) คือ เมื่อพระศรีสรัทธาราชจุลามณีออกบวช ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “เทตลาดซื้อสัตรว์ทั้งหลายโปรดอันเป็นต้นว่า คนอีกแพะ และหมู หมา เป็ด ไก่ ทั้งห่าน นกหกปลาเนื้อเอาไปปล่อย” ซึ่งมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า ‘คน’ ที่กล่าวถึงนั้นไม่ใช่ทาส เป็นแต่เพียงการขายสังกัดคนคือ คนในสมัยนั้นอยู่ในสังกัดเจ้าขุนมูลนาย เจ้าสังกัดอาจจะมีการซื้อ “คนใต้สังกัด” ซึ่งกันและกันได้ ท่านที่เคยอ่าน “ขุนช้างขุนแผน” คงระลึกถึงนางแก้วกิริยา ลูกสาวผู้รั้งสุโขทัยถูกนำมาขายไว้กับขุนช้าง ท่านผู้หญิงแก้วกิริยาได้เล่าประวัติให้พลายชุมพลฟังว่า
เรื่องราวของทาสปรากฏชัดขึ้นเมื่อไทยคบกับขอมตามพระนิพนธ์เรื่องลักษณะการปกครองประเทศสยามแต่โบราณของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า
“คุณตาเจ้าเป็นผู้รั้งโศกไขไทยต้องเร่งรัดสินไหมถึงร้อยชั่งเขาจำไว้ในทิมที่ริมวังได้ส่งบ้างยังค้างสิบห้าตำลึงเอามารดามาขายไว้กับขุนช้างต้องลำบากยากใจอยู่ปีครึ่งเขาช่วงใช้ตรากตรำทำสดึงพ่อเจ้าจึงเสียเงินเอาแม่มา”
“เรื่องทาสกรรมกรในประเพณีไทย แต่เดิมหามีไม่พวกไทยที่มาอยู่ข้างใต้มารับประพฤติการใช้ทาสตามประเพณีขอม มีความปรากฏในบานแพนกฎหมายลักษณะลักพาบทหนึ่งว่า เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยากับกรุงสุโขทัยเป็นไมตรีกันนั้น มีผู้ลักพาทาสในกรุงศรีอยุธยาหนีขึ้นไปเมืองเหนือ พวกเจ้าเงินกราบทูลพระเจ้าอู่ทองขอให้ไปติดตามเอาทาสกลับมาว่าเพราะ ‘เมืองท่านเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว’ ดังนี้ แต่พระเจ้าอู่ทองหาทรงบัญชาตามไม่ ดำรัสสั่งให้ว่ากล่าวเอาแก่ผู้ขายนายประกัน และมีคำซึ่งยังใช้กันมาปรากฏอยู่คำหนึ่ง ซึ่งเรียกผู้พ้นจากทาสว่า เป็นไทย ดังนี้พึงสันนิษฐานได้ว่า เพราะแต่เดิมชนชาติไทยไม่มีที่จะเป็นทาส และไทยมารับใช้ประเพณีทาสกรมกรจากขอมทาสจึงได้มีสืบมาในประเทศสยามจนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดฯให้เลิกเสีย”
อ่านแล้วนึกถึงภาพเขียนของฝรั่ง จินตนาการเหตุการณ์ครั้งสร้างนครวัดนครธมของพวกขอมที่ใช้พวกทาสขนหินก้อนใหญ่ๆ ก็บังคับเฆี่ยนตีกันเห็นจะล้มตายกันไปมิใช่น้อย ผู้เขียนเคยได้ฟังจากผู้ใหญ่ที่เป็นลูกหลานขุนนางตระกูลใหญ่ๆ เล่าให้ฟังว่าใต้ถุนตึกหรือใต้ถุนเรือนมีห้องขังพวกทาส คนพวกนี้อยู่อย่างลำบาก อาหารการกินก็เรียกได้ว่ากินพอกันอดตายกินข้าวแดงแบบนักโทษ (ผู้ดีกินข้าวขาว) กับข้าวก็แล้วแต่จะหาได้ บางทีก็เป็นปลาเล็กปลาน้อยที่จับได้เอง เพราะบางตระกูลมีข้าทาสบริวารมาก อย่างบ้านพระยามหาเทพ (ทองปาน) นั้น ในพระราชพงศาวดารกล่าวว่า “ผู้คนบ่าวไพร่ทั้งชายหญิงมีใช้อยู่ในบ้านกว่านั้น”