เมื่อตราแผ่นดินเปลี่ยนเป็นตราครุฑ ตราตั้งที่พระราชทานแก่ห้างร้านบริษัทก็เปลี่ยนเป็นตราครุฑด้วย เพียงแต่รูปครุฑตราตั้งไม่ได้อยู่ในวงกลมเหมือนตราแผ่นดิน แต่เป็นครุฑรำกางปีกกว้าง มีแถบแพรข้างใต้เขียนว่า “โดยได้รับพระบรมราชานุญาต” ซึ่งใช้มาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อตราแผ่นดินเปลี่ยนเป็นตราครุฑ ตราตั้งที่พระราชทานแก่ห้างร้านบริษัทก็เปลี่ยนเป็นตราครุฑด้วย เพียงแต่รูปครุฑตราตั้งไม่ได้อยู่ในวงกลมเหมือนตราแผ่นดิน แต่เป็นครุฑรำกางปีกกว้าง มีแถบแพรข้างใต้เขียนว่า “โดยได้รับพระบรมราชานุญาต” ซึ่งใช้มาจนถึงทุกวันนี้แม้ไม่มีคำว่า ‘ตั้ง’ ก็ยังเรียกกันว่าตราตั้งอยู่ดีเมื่อธนาคารนครหลวงไทยควบรวบกิจการกับธนชาตในปี พ.ศ. 2554 องค์ครุฑจาก 422 สาขาทั่วประเทศก็ต้องเชิญลงมาจากหน้าสำนักงาน ทางธนชาตเห็นคุณค่าขององค์ครุฑแห่งนี้ จึงต้องทำพิพิธภัณฑ์ขึ้นเพื่อให้เป็นที่อยู่อันเหมาะสม
คนไทยนับถือองค์ครุฑว่าเป็นของสูง เป็นเครื่องหมายพระราชทานอันเกี่ยวเนื่องในพระมหากษัตริย์ พระมหากษัตริย์ไทยได้รับการนับถือในฐานะสมมุติเทพในคติพราหมณ์มาตั้งแต่สมัยอยุธยา ซึ่งกรุงศรีอยุธยาก็คือ อโยธยาเป็นชื่อเมืองของพระราม ดังนั้นกษัตริย์เราจึงมีพระนามเป็นรามาธิบดีที่ 1, 2, 3 ตั้งแต่สมัยอยุธยา มาจนถึงกรุงเทพฯ ชื่อกรุงเทพก็ยังคงมี “…มหินทรายุธยามหาดิลกภพ…” ชื่อกษัตริย์จึงยังคงเป็นพระรามสืบมาจนถึงพระรามที่ 9ในปัจจุบันพระรามก็คือพระนารายณ์ที่แบ่งภาคลงมาปราบอธรรม และพาหนะของพระนารายณ์ก็คือพญาครุฑนั่นเอง ครุฑจึงเกี่ยวเนื่องกับพระมหากษัตริย์ไทยด้วยประการฉะนี้พญาครุฑยังเป็นที่นับถือในฐานะเทพด้วยสำหรับผู้นับถือเทพฮินดู คนไทยแม้จะนับถือพุทธก็ยังสัมผัสได้ถึง “ความแรง” ของครุฑอยู่เนืองๆ เช่น พวกกรมทางตัดถนนผ่านป่า ต้นไม้ใหญ่ หรือซากเจดีย์ ต้องแก้อาถรรพ์โดยเอาตราครุฑไปตอกติดเอาไว้ เหมือนบอกเจ้าที่เจ้าทางว่า “หลวง” ต้องการตัดถนนผ่าน หรือบ้านใครเผอิญอยู่ตรงข้ามกับอาคารที่ติดตราครุฑก็เชื่อว่าจะอยู่ไม่เป็นสุข ทำมาค้าไม่ขึ้นต้องแก้อาถรรพ์กันด้วยวิธีต่างๆ มีอยู่วิธีหนึ่งก็คือ ตั้งรูปนางกินรีไว้เพื่อเอาใจครุฑ เพราะครุฑชอบบินมาจับนางกินรีที่มักพากันมาถอดปีกถอดหางเล่นนำ้ในสระอโนดาต จับได้แล้วก็อุ้มกลับไปเชยชมที่วิมานฉิมพลี
ดังนั้นการจะอัญเชิญองค์ครุฑขึ้นติดตั้งหรืออัญเชิญลงมาต้องทำพิธีบวงสรวงเป็นเรื่องเป็นราว ครุฑกว่า 400 องค์ได้รับการอันเชิญลงอย่างเป็นพิธีรีตองทุกองค์ ในฤกษ์งามยามดี ณ วันเวลาพร้อมกันทั้งประเทศ แล้วได้รับการปิดตาก่อนจะพามารวมกันที่นี่ แม้กระนั้นก็ดีตอนเชิญครุฑองค์ใหญ่ที่สุดจากสำนักงานใหญ่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ เพื่อขึ้นติดตั้งที่หน้าพิพิธภัณฑ์ครุฑแห่งนี้ ก็มีปรากฏการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก เนื่องจากองค์ครุฑใหญ่และหนักมาก คณะเตรียมงานใช้ปั้นจั่นยกองค์ครุฑเพื่อขึ้นติดตั้งเตรียมไว้ให้พราหมณ์มาทำพิธีเจิม แต่ยกเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น พอดีพราหมณ์มาถึงบอกว่าผิดขั้นตอน คือต้องเจิมก่อนยกพอพราหมณ์เจิมแล้วเท่านั้นก็ยกขึ้นได้สำเร็จเขาจึงว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
พิพิธภัณฑ์ครุฑตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมบางปู สมุทรปราการ ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์คือส่วนหนึ่งของอาคารศูนย์ประชุมสัมมนาของธนาคารนครหลวงไทย บริเวณโถงต้อนรับจัดแสดงที่มาของพิพิธภัณฑ์ มีกลอนที่กวีศิลปินแห่งชาติ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เขียนขึ้นเพื่อพิพิธภัณฑ์นี้โดยเฉพาะเป็นไฮไลต์
ขึ้นสู่ชั้นสองจะพบกับป่าหิมพานต์จำลองซึ่งมีสระอโนดาตอยู่ตรงกลางสัตว์หิมพานต์นานาชนิด พร้อมทั้งต้นมักกะลีผลหรือนารีผล ซึ่งออกผลเป็นหญิงสาวสวย ให้บรรดาเทวดา ฤาษี นักสิทธิ์ วิทยาธร พากันเหาะมาเลือกเด็ดเอาไปเชยชม แต่ได้ไปแล้วต้องรีบใช้เพราะจะหมดอายุเน่าเสียภายใน 7 วัน