
พระสงฆ์ หนึ่งในรัตนะทั้งสามในพระพุทธศาสนาถือว่าทรงคุณอันประเสริฐ ด้วยพระสังฆคุณอันประกอบด้วย พระสงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ปฏิบัติดี เป็นผู้ปฏิบัติตรง เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อหลุดพ้นจากกิเลสราคะ เป็นผู้ปฏิบัติสมควร เป็นผู้ควรแก่ของที่นำมาบูชา เป็นผู้ควรแก่ของต้อนรับแขก เป็นผู้ควรแก่ของต้อนรับ เป็นผู้ควรแก่การกราบไหว้ เป็นบุญเขตอันยอดเยี่ยมของโลก ทางทีมงานจะได้นำเอาประวัติและปฏิปทาอันน่าเลื่อมใสของพระสงฆ์ผู้เคร่งครัดมาเผยแผ่
พระราชวัชรธรรมโสภณหรือหลวงปู่ศิลา สิริจนฺโท ท่านเกิดเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2488 นามสกุลเดิม “นิลจันทร์” โยมบิดานามว่า แก่น นิลจันทร์ และโยมมารดานามว่า น้อย นิลจันทร์ ท่านเกิด ณ บ้านเบิด ตำบลเบิด อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ ในช่วงเวลาที่ท่านเกิดนั้นครอบครัวของท่านได้อพยพมาพำนักยังบ้านส้อง ตำบลธาตุ อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ จากนั้นในปี พ.ศ. 2494 เมื่อท่านอายุได้ 6 ปี ได้ย้ายภูมิลำเนามาอยู่อาศัย ณ บ้านเกิดของมารดา ที่บ้านธาตุประทับ (บ้านยางกระธาตุในปัจจุบัน) อำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด ท่านเข้ารับการบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อครั้งอายุ 15 ปี ณ วัดธาตุประทับ


เหรียญพญาหนูเผือก หลวงปู่มหาศิลา สิริจนฺโท
ต่อมาในปี พ.ศ. 2509 เมื่อท่านอายุได้ 21 ปี ได้เข้ารับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดบูรพาภิราม อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีท่านเจ้าคุณพระสิริวุฒิเมธี (พุทธา สิริวุฑฺโฒ) อดีตเจ้าคณะจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาทางพระว่า “สิริจนฺโท”
หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงปู่ศิลาได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติให้แตกฉานจนได้ถึงเปรียญธรรม 6 ประโยคเมื่อปี พ.ศ. 2515 หลวงปู่ศิลาท่านให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมากทั้งท่านมีความพากเพียรเป็นเลิศ จากนั้นหลวงปู่ศิลาได้จาริกแสวงบุญไปยังหลายไม่ว่าจะเป็นพื้นที่จังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองคาย จังหวัดชัยภูมิ และหลวงปู่ศิลาท่านได้เดินธุดงค์ไปยังภูเขาควาย ในปี พ.ศ.2517 เดินทางไปกับหลวงพ่อบ้านชาติ วัดบ้านชาติ จ.ร้อยเอ็ด (มรณภาพแล้ว) ในครั้งนั้นท่านได้พบกับครูบาอาจารย์หลายองค์ด้วยกัน เช่น หลวงปู่ทองมา ถาวโร หลวงปู่มหาบุญมี สิรินธโร หลวงปู่ลี กุสลฺธโร
เป็นที่ทราบกันดีว่าพระเถราจารย์ที่เอ่ยนามมานี้ล้วนเป็นผู้ทรงไว้ซึ่งจิตตานุภาพ มรงไว้ซึ่งอภิญญาเป็นที่ประจักษ์ ต่อมาท่านมีเหตุจำเป็นลาสิกขาเมื่อปี พ.ศ. 2521 เพราะท่านได้รับการขอร้องจากญาติ ๆ ให้ลาสิกขาออกมาเป็นครูผู้ช่วยสอน ที่โรงเรียนธาตุประทับ และขอให้ช่วยดูแลโยมมารดารวมถึงญาติผู้ใหญ่ของท่านที่ป่วยหนัก ครั้นต่อมา ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2522 เมื่ออายุได้ 34 ปี ท่านได้เข้ารับการอุปสมบทครั้งที่ 2 ณ พัทธสีมาวัดมาลุวาคณาราม บ้านเกษมสุข ตำบลพลับพลา อำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพระสมุห์เป ปุญฺโญ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระน้อย สีลวณฺโณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระปลัดสมาน ธมฺมรกฺขิโต เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางพระว่า “สุริยจิตฺโต”
หลังอุปสมบทแล้ว ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดโนนเดื่อ ตำบลมะอึ อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด สลับกับวัดธาตุประทับ และได้ลาสิกขา เมื่อปี พ.ศ. 2539 ด้วยเหคุที่ญาติของท่านเกิดป่วยหนักจนถึงแก่กรรมในเวลาต่อมา ท่านลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตคฤหัสถ์อยู่เพียง8เดือน จากนั้นท่านได้กลับเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2539 ณ พัทธสีมาวัดแสงประทีป ตำบลหมูม้นอำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีท่านพระครูวิธานสมณกิจ (อำนวย จนฺทสาโร) เจ้าอาวาสวัดแสงประทีป และเจ้าคณะตำบลหมูม้น เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาทางพระว่า “สิริจนฺโท” หลังจากอุปสมบทแล้วท่านได้จำพรรษาที่วัดธาตุประทับ สลับกับการออกจาริกธุดงค์ และในปี พ.ศ. 2565 มีการญัตติทัฬหีกรรมนับอายุกาลพรรษาต่อเนื่องเป็นพระภิกษุสังกัดธรรมยุติกนิกาย ที่วัดบึงพระลานชัย อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีพระพรหมวชิรโสภณ (ศรีจันทร์ ปุญฺญรโต) เจ้าอาวาสพระอารามหลวงวัดบึงพระลานชัย อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นพระอุปัชฌาย์


เหรียญเม็ดยา หลวงปู่มหาศิลา สิริจันโท เนื้อทองคำ
ต่อมา พระราชวัชรธรรมโสภณ(หลวงปู่ศิลา สิริจนฺโท)ได้จาริกไปบ้านหนองแซง ตำบลแจ้ง อำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิและท่านเกิดอาการอาพาธด้วยโรคหัวใจขาดเลือด จนต้องพักรักษาตัว ที่กุฎีอโรคยาปรมาลาภา เสนาสนะสงฆ์ พระธาตุจอมศรีสัมมาสัมพุทธเจดีย์ จังหวัดมหาสารคาม
เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2564 หลวงปู่ศิลาได้รับการแต่งตั้งฐานานุกรมจากพระพรหมวชิรโสภณ (ศรีจันทร์ ปุญฺญรโต) พระราชาคณะเจ้าคณะรองชั้นหิรัญบัฏ มีฐานานุศักดิ์ในราชทินนามที่ พระครูปลัดวชิรโสภณญาณ วิมลศีลาจารวิศิษฏ์ ไพศาลศาสนกิจจาทร จากนั้นในวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชวัชรธรรมโสภณ โกศลบริหารวรกิจ ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี ปัจจุบัน ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน ต.กุดปลาค้าว อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ หลวงปู่เป็นพระเถระที่เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา เพียบพร้อมด้วยศีลาจริยาวัตรเป็นที่น่าเลื่อมใสศรัทธา ถือได้ว่าเป็นพระสงฆ์ที่เป็นที่พึ่งของสาธุชนโดยแท้
