นิตยสารอนุรักษ์ ฉบับที่ 24 สิงหาคม 2560
เรื่อง/ภาพ: นภันต์ เสวิกุล
พระบารมีคงคู่ฟ้า
เวลาไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ ทุกวินาทีที่ผ่านไปก็จะมีสิ่งแปลกใหม่เกิดขึ้นและผู้คนส่วนใหญ่มักรคอยให้สิ่งนั้นผ่านเข้ามาในชีวิตโดยหวังว่าจะดีกว่าอดีตแต่บางเรื่องเรากลับอยากหยุดเวลาไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ไปเลย ด้วยมั่นใจว่าเรื่องราวที่ได้พบเห็นในช่วงเวลานั้นดีงามที่สุด งดงามที่สุด เป็นมงคลแก่ชีวิตที่ไม่มีวันลืมเลือน
ช่วงชีวิตหนึ่ง ผมมีบุญวาสนาได้ติดตามไปฉายภาพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ ๙ อยู่ระยะหนึ่ง จึงได้เห็นพระราชอิริยาบถขณะทรงงาน และบางโอกาสได้ยินพระสุรเสียงที่รับสั่งกับราษฎร แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วแต่รำลึกขึ้นมาครั้งใดก็มีความสุข อบอุ่น และยังซาบซึ้งใจไม่รู้ลืม ในวาระอันเป็นมงคล ๑๒ สิงหาคม อันเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ จึงขอนำบางเหตุการณ์มาถ่ายทอดให้ชื่นชมในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
ในปีหนึ่งๆ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะเสด็จพระราชดำเนินไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจยังท้องถิ่นต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ด้วยมีพระราชดำริที่จะยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น ทรงทราบด้วยพระเนตรพระกรรณถึงความคับแค้นของราษฎรที่ต้องเผชิญกับปัญหานานัปการทั้งได้ผลผลิตน้อยเกินคาด ราคาตกต่ำ ศัตูรพืชรบกวนและร้ายยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดก็คือความแปรปรวนของดินฟ้าอากาศ ถ้าฝนตกชุกไปน้ำก็ท่วม ถ้าฝนน้อยไปก็แห้งแล้งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรชาวนาชาวไร่ทั้งสิ้น
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งโดยเสด็จฯ ไปทุกหนแห่ง มีพระราชดำริต้องกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ว่า “ทุกข์ สุข ของราษฎร คือทุกข์สุขของพระองค์ท่านเอง” ทรงถือว่าความทุกข์ของราษฎรย่อมอยู่เหนือความสุขส่วนพระองค์ จึงได้สนองพระราชดำริในกิจการต่างๆ ทุกประการ เฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความเป็นอยู่และสุขภาพอนามัย ด้วยทรงปรารถนาที่จะให้คนไทยอยู่ดี กินดี มีอนามัยสมบูรณ์ ทรงทราบดีถึงความขาดแคลนของราษฎรและต้องการรายได้เพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอแก่การดำรงชีพ ทรงสนพระทัยในงานฝีมือพื้นบ้านที่จัดทำขึ้นโดยใช้วัสดุในท้องถิ่นจึงทรงส่งเสริมในเรื่องนี้ด้วยการจัดครูออกไปฝึกสอน ทั้งทรงติดตามปรับปรุงคุณภาพด้วยพระองค์เอง ครั้นเมื่อราษฎรสร้างงานได้ก็ทรงรับซื้อไว้ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ งานนี้ต่อมาได้ขยายออกไปจนก่อตั้งเป็นมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกดังที่ทราบกันอยู่
ครั้งหนึ่งที่บ้านแกน้อย หมู่บ้านที่แห้งแล้งราวกับอยู่บนดาวอังคาร เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยเขาหัวโล้นและทะเลฝุ่นสีแดง เมื่อเสด็จฯ มาถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไปทอดพระเนตรภูมิประเทศเพื่อทรงหาแหล่งน้ำ จัดการเรื่องที่ทำกิน และพัฒนาดินสมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จไปประทับในบ้านของราษฎรชาวเขา ภาพที่เห็นเป็นภาพแห่งความสุขเหลือเกิน ระหว่างชาวเขากับชาววังที่พากันนำผ้า เครื่องเงิน เครื่องจักสาน มาอวดกัน ทรงติชมพร้อมทั้งพระราชทานกำลังใจแก่สมาชิกศิลปาชีพเหล่านั้น
กว่า ๓๐ ปีผ่านไป ผมกลับไปที่บ้านแกน้อยอีกครั้งก็เห็นแต่ความเขียวชอุ่มไปทั่วทุกหนแห่ง ราษฎรอยู่ดีกินดี มีความสุขและมีรายได้สูง สมาชิกศิลปาชีพบ้านแกน้อยสูงอายุหลายคนยังรำลึกถึงวันที่เคยเฝ้ารับเสด็จฯ และที่จดจำกันได้เป็นพิเศษก็คือ รอยยิ้มและพระพักตร์อันงดงามของพระองค์ท่านสิ