กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์และนายทหารติดตามที่อยู่ภายในบริเวณนั้น ต่างก็เกิดความตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็น พระภิกษุผู้ชราภาพนั้นท่านไม่สนใจกับสายตาของผู้คนที่จ้องมองมายังท่าน จากนั้นท่านหยิบหัวปลีเป่าทีละหัวๆ จนหัวปลีทั้งกองกลับกลายเป็นกระต่ายสีขาวไปหมดทั้งกอง บัดนี้ กระต่ายที่สำเร็จมาจากอำนาจจิตและอาศัยหัวปลีเป็นองค์ประกอบ กำลังเที่ยววิ่งเล่นอยู่เป็นที่สนุกสนาน มันกระโดดสวนกันไปสวนกันมาเต็มบริเวณศาลาท่าน้ำนั้นเลยทีเดียว หลวงปู่ศุขท่านปล่อยให้กระต่ายหัวปลีเหล่านั้นกระโดดโลดเต้นสนุกสนานไปพักหนึ่ง จากนั้นท่านจึงเรียกเข้ามาหาท่านทีละตัว กระต่ายสีขาวๆ นั้นเดินเข้ามายังที่ท่านนั่งอยู่คล้ายกับรู้ภาษา หลวงปู่ศุขจับมาอุ้มไว้ เอามือลูบๆ ตัวกระต่ายสีขาวตัวนั้นอยู่ครู่หนึ่ง หลวงปู่ศุขก็ค่อยๆ ปล่อยมือวางเจ้ากระต่ายตัวนั้นลง น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งเมื่อท่านวางกระต่ายสีขาวลงถึงพื้น พลันกระต่ายสีขาวที่มีชีวิตก็กลับกลายเป็นหัวปลีดังเดิม
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ตลอดถึงนายทหารที่ตามเสด็จเมื่อได้เห็นสิ่งอัศจรรย์ที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน ก็เกิดความศรัทธาต่อคุณวิทยาคมและอำนิจอันแก่กล้า ว่าเป็นของที่มีอยู่จริงและสามารถทำให้เห็นประจักษ์ได้จริง เรื่องทั้งหมดนี้หลวงปู่ศุขท่านทราบด้วยญาณวิถีว่ามีเจ้าฟ้าพร้อมข้าราชบริพารได้กำลังมองดูท่านอยู่ ท่านจึงสั่งลูกศิษย์ไปเชิญบุคคลสำคัญในเรือหลวงลำนั้น พร้อมกับได้กำชับไว้ว่า “ขอให้รู้ไว้ว่า บุคคลที่อยู่ในเรือนั้นคือ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะกล่าววาจาใดๆ ควรมีความนอบน้อม ต้องรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ รู้จักประโยชน์และไม่ใช่ประโยชน์ กาลอันใดควรหรือไม่ควร” เมื่อหลวงปู่ศุขท่านได้กำชับไปแล้ว ท่านก็นั่งรอในที่อันสมควรเพื่อรอรับกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เมื่อเสด็จในกรมฯ ท่านได้พบหลวงปู่ พระองค์ทรงยินดีเป็นที่ยิ่ง ปกติพระองค์เองก็ทรงศรัทธาเลื่อมใสในคุณวิเศษของหลวงปู่เป็นเบื้องต้นอยู่แล้ว เมื่อมาได้สนทนากันบนกุฏิเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความศรัทธามากขึ้นไปอีก