Wednesday, February 19, 2025
ชื่นชมอดีต บทความแนะนำ

ไปรษณียบัตร “เจ้าฟ้า”

นิตยสารอนุรักษ์ ฉบับที่ 5
เรื่อง: ม.ล. ภูมิใจ ชุมพล

ไปรษณียบัตร

“เจ้าฟ้า”

การไปรษณีย์แห่งสยามก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๒๓ และได้ให้กำเนิดสิ่งแปลกใหม่ที่เรียกกันว่า “โปสการ์ด” หรือไปรษณียบัตร ไว้สำหรับเขียนข้อความสั้นๆ ส่งถึงกัน จนกลายเป็นวัฒนธรรมนิยมของผู้คนในยุคนั้นอย่างรวดเร็วโดยเริ่มจากบุคคลในพระราชสำนักก่อน แล้วจึงแพร่หลายมายังข้าราชการ พ่อค้าและประชาชนไปรษณียบัตรที่กล่าวถึงนี้ มีตั้งแต่ประเภทที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่นจากญี่ปุ่น อินเดีย และยุโรป และประเภทที่ผลิตขึ้นได้เองในประเทศสยามซึ่งมีสามชนิดหลักๆ คือ ไปรษณียบัตรแบบภาพพิมพ์ ไปรษณียบัตรที่ทำจากภาพถ่าย ซึ่งเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก และไปรษณียบัตรที่เป็นภาพวาดด้วยมือโดยใช้สีน้ำ ซึ่งหายาก และมีราคาสูง

บทความนี้จะบรรยายถึงไปรษณียบัตรชุดพิเศษ ที่ทรงคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์ของประเทศสยามเป็นอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นไปรษณียบัตรที่มีลายพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และลายพระหัตถ์ของเจ้านายในพระบรมราชจักรีวงศ์อีกหลายพระองค์ โดยไปรษณียบัตรทุกแผ่นนั้น ส่งถึงบุคคลเพียงคนเดียวคือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย “ทูลกระหม่อมติ๋ว” หรือสมเด็จเจ้าฟ้า องค์เจ้าของโปสการ์ดชุดนี้ เป็นพระราชโอรสลำดับที่ ๔ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถประสูติเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ปีมะโรง พุทธศักราช ๒๔๓๕ ทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าตั้งแต่ประสูติ และทรงได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็น กรมขุนเพชรบูรณ์อินทราชัย โดยสมเด็จพระบรมชนกนาถ เมื่อพระชนมายุได้ ๑๒ ชันษา สมเด็จเจ้าฟ้า

จุฑาธุชฯ ทรงได้รับการถวายการศึกษาเบื้องต้นในพระบรมมหาราชวัง แล้วเสด็จไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๘ ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และเสด็จกลับประเทศไทยในปี พ.ศ. ๒๔๖๐ ทรงรับราชการเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษและรัฐฏประศาสนศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทรงเป็นผู้บัญชาการโรงเรียนเพาะช่าง เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๑ ซึ่งตรงกันกับความสนพระทัยในศิลปะแขนงต่างๆ ของพระองค์ รวมไปถึงการดนตรี ที่พระองค์ทรงพระปรีชาเป็นอย่างมาก ทรงเล่นเครื่องดนตรีได้หลายชนิด ตั้งแต่เปียโน ไวโอลิน และฮาร์ปอีกทั้งยังทรงแต่งบทละครดึกดำบรรพ์อีกหลายเรื่อง

สมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชฯ ทรงเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก โดยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๒ จนพระองค์ได้สิ้นพระชนม์ลงก่อนพระวัยอันควร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๖ สิริรวมพระชนมายุเพียง ๓๑ชันษา

ลายพระราชหัตถเลขา และลายพระหัตถ์บนโปสการ์ดต่างๆที่มีถึงสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชฯ นั้น ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงปีพุทธศักราช ๒๔๔๘ ถึงปีพุทธศักราช ๒๔๖๐ ฃึ่งเป็นช่วงที่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ เสด็จไปทรงศึกษาที่ประเทศอังกฤษโดยผู้เขียนจะขออัญเชิญมาแสดง

ลายพระราชหัตถเลขา และลายพระหัตถ์บนโปสการ์ดต่างๆ ที่มีถึงสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชฯ นั้น ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงปีพุทธศักราช ๒๔๔๘ ถึงปีพุทธศักราช ๒๔๖๐ฃึ่งเป็นช่วงที่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ เสด็จไปทรงศึกษาที่ประเทศอังกฤษ

ในคอลัมน์นี้ เฉพาะฉบับที่โดดเด่นและน่าสนใจ เพราะไปรษณียบัตรต่างๆ นั้นมีเป็นจำนวนมาก รวมทั้งหมดแล้วหลายร้อยฉบับ

ไปรษณียบัตรแผ่นแรก เป็นชนิดภาพพิมพ์สี ที่มีลายพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีถึงสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชฯ ในระหว่างเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ และทรงเสด็จไปยังแหลมนอร์ทแคป ทางเหนือสุดของประเทศนอร์เวย์ เพื่อทอดพระเนตรพระอาทิตย์เที่ยงคืน ด้านหลังของไปรษณียบัตรมีข้อความว่า “พ่อมาถึงนี่ วันที่ ๑๒ ก.ค. จุฬาลงกรณ์” ด้านหน้ามีรูปเรือที่ทรงใช้เสด็จพระราชดำเนินทอดสมออยู่กลางทะเลแบเรนต์ และมีคำกำกับว่า “Hilsen fra Nordkap” อยู่ด้านล่าง

แผ่นถัดมาเป็นไปรษณียบัตรภาพพิมพ์ จากภาพถ่ายขาวดำรูปเรือนไม้ปลูกอยู่ริมทะเลสาบ มีคำกำกับว่า “Fra Kjendalen” ด้านหลังมีลายพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว “จุฬาลงกรณ์” ลงวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๙๐๗ (พ.ศ. ๒๔๕๐) และตอกตราร้านอาหาร Restaurant “Kjendalen” Loen, Nordf. Norw.

ไปรษณียบัตรอีกแผ่นหนึ่ง เป็นภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ เป็นภาพต้นกุหลาบออกดอกบานสะพรั่ง ที่ทรงฉาย ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๔๕๐ ด้านหลังมีลายพระราชหัตถเลขาความว่า “ต้นกุหลาบที่ถ่ายรูปวันนั้น จปร”ไปรษณียบัตรที่เป็นภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังมีอีกสองแผ่น แต่เป็นภาพถ่าย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศสยามทั้งสิ้น กล่าวคือเป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับพระราชพิธีตรียัมปวาย ฃึ่งเป็นพระราชพิธีทางศาสนาพราหมณ์ เป็นการรับเสด็จพระอิศวร ที่เสด็จลงมาประทับบนโลกเป็นเวลา ๑๐ วัน ไปรษณียบัตรแผ่นแรก เป็นภาพริ้วขบวนโล้ชิงช้าเคลื่อนผ่านหน้าพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ร.ศ. ๑๒๗ (พ.ศ. ๒๔๕๒) ด้านหลังมีลายพระราชหัตถเลขาความว่า “กระบวนแห่ชิงช้า จปร”

แผ่นที่สอง เป็นภาพพระราชพิธีโล้ชิงช้า ที่ลานหน้าวัดสุทัศน์ด้านหลังมีลายพระราชหัตถเลขาความว่า “ชิงช้า ร.ศ. ๑๒๗ พระยาเดโช จปร” ไปรษณียบัตรแผ่นนี้ ตอกตราในกรุงเทพ เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ร.ศ. ๑๒๗ (พ.ศ. ๒๔๕๒)

ไปรษณียบัตรอีกแผ่นหนึ่งที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่งคือ ไปรษณียบัตรที่มีภาพถ่ายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กำลังเสด็จพระราชดำเนินไปตามทางลาดพระบาท เเวดล้อมด้วยริ้วขบวนทหารรักษาพระองค์ และข้าราชบริพารที่กั้นพระกลดและบังสูรย์ เพื่อทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ “พระบรมรูปทรงม้า” เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ร.ศ. ๑๒๗ (พ.ศ. ๒๔๕๒) ด้านหลังไปรษณียบัตร มีลายพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวความว่า “เดินไปเปิดรูป คิดถึงติ๋ว จุฬาลงกรณ์”

ลำดับต่อมา เป็นไปรษณียบัตรอีกชุดหนึ่งที่น่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าชุดแรก นั่นคือไปรษณียบัตรที่มีลายพระราชหัตถเลขาของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ จำนวน ๗ แผ่น ทั้งหมดเป็นภาพที่ถ่ายและพิมพ์ขึ้นในประเทศสยาม โดย บริษัท กอตแอนด์ คอร์ เป็นภาพพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และธนาคารฮ่องกงเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นธนาคารแห่งแรกที่เข้ามาเปิดสาขาในกรุงเทพฯ และยังมีพระบรมฉายาลักษณ์คู่ของล้นเกล้าล้นกระหม่อมทั้งสองพระองค์อยู่ด้านบนของไปรษณียบัตร, ภาพพิมพ์ระบายสี เป็นรูปช้างเดินลากเกวียนอยู่หน้าวัดเบญจมบพิตร ในช่วงเวลาที่กำลังก่อสร้าง, ภาพถ่ายนางละครไทย ๓ คนในชุดกินรี, ภาพไปรษณียบัตรอีกแผ่นหนึ่ง ที่มีภาพละครรำคณะใหญ่ และวงปี่พาทยม์อญ ซึ่งเดิมที่ใช้บรรเลงตามงานมงคลทั่วๆ ไป

ไปรษณียบัตรอีกแผ่นหนึ่งที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่งคือ ไปรษณียบัตรที่มีภาพถ่ายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กำลังเสด็จพระราชดำเนินไปตามทางลาดพระบาท เเวดล้อมด้วยริ้วขบวนทหารรักษาพระองค์ และข้าราชบริพารที่กั้นพระกลดและบังสูรย์ เพื่อทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ “พระบรมรูปทรงม้า” เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ร.ศ. ๑๒๗ (พ.ศ. ๒๔๕๒)

แต่เมื่อระยะเวลาผ่านมาร้อยกว่าปีกลับนิยมใช้กับงานศพ (เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ เคยทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นำวงปี่พาทย์มอญมาบรรเลงในงานพระบรมศพของ สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ด้วยเหตุที่ว่าสมเด็จพระราชินีพระองค์นั้นทรงมีเชื้อสายชาวรามัญ), ภาพถ่ายมุมกว้าง มองเห็นคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยาไกลสุดสายตา, ภาพภูเขาทองที่วัดสระเกศ ฃึ่งในภาพนี้ยังปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม สองข้างลำคลองแออัดด้วยเรือนแพและเรือแจวลำน้อยใหญ่ ไม่ไกลจากกำแพงเมืองพระนคร

ศิลปะการถ่ายรูปเป็นที่นิยมกันมากในพระราชสำนักของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่าสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ก็ทรงโปรดการถ่ายภาพด้วยพระองค์เอง และพระองค์ยังทรงมีห้องมืดเพื่อทรงอัดภาพถ่ายจากฟิลม์อีกด้วย พระองค์ทรงโปรดที่จะบันทึกภาพพระราชโอรสและพระราชธิดา เหตุการณ์ในพระราชสำนัก และภาพวิวโดยทั่วๆไป ดังภาพในไปรษณียบัตรที่ผลิตขึ้นเองในพระราชสำนักที่มีภาพสนามแข่งม้าในกรุงเทพฯ ที่พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปตามที่ได้ทรงมีลายพระราชหัตถเลขากำกับไว้ว่า “เมื่อได้มาในการรื่นเริงของชาวตะวันตก ซึ่งจะนับเป็นอาหารทิพของพวกนั้นก็ว่าได้คือการแข่งม้า จึงได้ถ่ายรูปไว้เปนที่รฤกในการมา หวังว่าต่อไปแก…เช่นเขาได้ เสาวภา”

About the Author

Share:
Tags: postcard / ฉบับที่ 5 / ไปรษณียบัตร /

เรื่องราวอีกมากมายที่คุณจะชอบ