ภาพจิตรกรรมฝาผนังชุดนี้ แม้จะเล่าเรื่องสมัยพุทธกาลแต่สอดแทรกสภาพสังคม และวิถีชีวิตชาวสยามสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ที่มีชาวต่างชาติ ทั้งชาวจีนและชาวตะวันตก เข้ามาผูกสัมพันธ์กับคนไทย
ที่เรียกเช่นนี้ เพราะพระองค์ทรงออกบวชเพื่อแสวงหาโมกขธรรม คือความหลุดพ้นจากความทุกข์ ด้วยทรงเห็นว่าธรรมนี้จะเป็นเครื่องปลดเปลื้องทุกข์ให้แก่พระองค์และชาวโลกได้จึงกล่าวว่าการออกบวชของพระองค์เป็นไปเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่ ทั้งนี้ “มหาภิเนษกรมณ์” ใช้เรียกเฉพาะการบวชของพระพุทธเจ้าเท่านั้นการบวชของพระสาวกใช้ว่า “ออกบวช” เฉยๆ


ภาพจิตรกรรมฝาผนังชุดนี้ แม้จะเล่าเรื่องสมัยพุทธกาล แต่สอดแทรกสภาพสังคมและวิถีชีวิตชาวสยามสมัยต้นรัตนโกสินทร์ที่มีชาวต่างชาติ ทั้งชาวจีนและชาวตะวันตกเข้ามาผูกสัมพันธ์กับคนไทย เช่น ในภาพ “มารวิชัย” หรือพระพุทธองค์ทรงเอาชนะพญามาร มีภาพทหารฝรั่งยิงปืนเข้าใส่หมู่มารด้วย และยังมีบางภาพแสดงวิถีชีวิตชาวจีนในยุคนั้น มีทั้งที่เป็นศาลเจ้า ตึกรามบ้านช่องแบบจีน มีภาพสาวจีนในอิริยาบถนั่งสางผมให้ชายคนรัก สันนิษฐานว่าเป็นการเตรียมถักเปียตามคตินิยมของชาวจีน มีภาพหมอตำแยช่วยทำคลอดให้สาวจีน โดยสามีของนางนั่งลุ้นอยู่ใกล้ๆ
อีกทั้งยังมีภาพการแสดงมหรสพอันเป็นที่นิยมในสมัยนั้น อาทิ การแสดงหนังใหญ่การแสดงโขนรามเกียรติ์ ตอนหนุมานบุกกรุงลงกา รวมถึงการแสดงกายกรรมไต่ลวดฯลฯ แต่ที่น่าสนใจ คือตรงมุมห้องด้านขวาของประตูทางเข้าโบสถ์ มีภาพบุคคลกำลังเอื้อมมือลงมาดึงแถบสีระหว่างผนังสองด้านที่ช่างวาดมาแล้วแต่ไม่ประกบกัน เป็นการแก้ปัญหาทางเทคนิคของช่างอย่างมีศิลปะและมีอารมณ์ขันสอดแทรกไว้น่าชมยิ่งนัก

