Thursday, December 5, 2024
ชื่นชมอดีต

ร้อยเรื่องรักษ์: ภาพจิตรกรรมวัดสุวรรณาราม

พระแม่ธรณีบีบมวยผม โดยมากจะบีบในท่านั่ง
แต่ที่วัดนี้ยืนบีบน้ำจากมวยผม
กองทัพมารอันห้าวหาญน่ากลัวเกรง
ถูกน้ำจากมวยผมท่วมจนแตกพ่าย
เป็นภาพ “มารผจญ” ที่ดูดุเดือดตื่นเต้นเร้าใจที่สุด

พระอุโบสถวัดสุวรรณารามราชวรวิหาร จรัญสนิทวงศ์ 32 ตรงข้ามแยกบางขุนนนท์เขตบางกอกน้อย ริมคลองบางกอกน้อยฝั่งตะวันตก

วัดใหญ่สุวรรณารามราชวรวิหาร เดิมชื่อ วัดทอง เป็นวัดเก่าสร้างมาแต่สมัยอยุธยา มีประวัติอันน่าตื่นเต้นเร้าใจ ในสมัยพระเจ้าตากสินใช้เป็นลานประหารชีวิตครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ เริ่มต้นด้วยเชลยพม่า ๑,๓๒๘ คน พร้อมนายกอง ๒ คน ชื่อ งุยอะคุงหวุ่น และอุตมสิงหจอจัว ซึ่งจับมาเมื่อคราวตีค่ายบางแก้วที่ราชบุรีแตก ได้เกลี้ยกล่อมให้ไปช่วยตีพิษณุโลกคืนจากพม่า แต่ทั้งหมดปฏิเสธจะรบกับพวกพม่าด้วยกันเอง

ข้อความปรากฏในพงศาวดารราชบุรี ดังนี้
“…มันไม่ภักดีแก่เราโดยแท้ ยังนับถือเจ้านายมันอยู่ เราจะยกไปทำสงคราม ผู้คนอยู่รักษาบ้านเรือนน้อย พวกมันมาก จะแหกคุกออกกระทำจลาจลแก่บ้านเมืองข้างหลัง จะเอาไว้มิได้ให้เอาไปประหารชีวิตเสียในวัดทอง บางกอกน้อยทั้งสิ้น กับทั้งแม่ทัพ อ้ายเรือนพระฝางทั้งสี่คนซึ่งจำไว้ในคุกนั้นด้วย…” เป็นอันว่านักโทษจากการปราบกบฏก๊ก

ภาพมารผจญ ผนังหน้าพระประธาน

ภาพจิตรกรรมวัดสุวรรณาราม

งามสมคำร่ำลือ

ผนังหลังพระประธาน พระพุทธเจ้าเสด็จฯ
จากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สู่ประตูเมือง “สังกัสสะ”

ล่วงมาถึงสมัยรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โปรดเกล้าฯ ให้ บูรณะวัดทอง เพราะชื่อ “วัดทอง” พ้องกับพระนามเดิมว่า “ทองด้วง” โดยสร้างพระอุโบสถใหม่ตามแบบอยุธยาตอนปลาย คือ ฐานแอ่นโค้ง แบบท้องสำเภา เสาเหลี่ยมย่อมุม มีระเบียงด้านหน้าและหลังซึ่งเป็น รูปแบบอุโบสถสมัยรัชกาลที่ ๑ นอกจากนั้น วังหน้า (สมเด็จพระบวร ราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท) ได้สร้างเมรุหลวงถาวร ไว้สำหรับใช้ในการ พระราชทานเพลิงศพ เจ้านายตั้งแต่ชั้นพระองค์เจ้าลงมา ขุนนางชั้น ผู้ใหญ่ และพระราชาคณะ มาจนถึงรัชกาลที่ ๕ จึงรื้อลง ไปสร้างใหม่ ที่วัดสระเกศฯ ปัจจุบันนี้เมรุหลวงอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์ฯ เรื่องเมรุหลวง วัดทองนี้ปรากฏในกลอนนิราศพระประธมของสุนทรภู่ว่า

“ถึงวัดทองหมองเศร้าเหงาเงียบ
เย็นยะเยียบหย่อมหญ้าป่าช้าผี
สงสารฉิมนิ่มน้องสองนารี
มาปลงที่เมรุทองทั้งสองคน”

(ฉิมและนิ่มเป็นน้องสาวต่างมารดา และทั้งคู่เป็นแม่นมของ พระธิดาในกรมพระราชวังหลัง)

“พระศาสดา” พระพุทธรูปประธาน ภาพฉากหลังคือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เขาพระสุเมรุและเขาสัตบริภัณฑ์
เสี้ยวกาง ทวารบาลจีนแบบไทยๆ บนประตูใหญ่ บานกลาง

จิตรกรรมอันลือเลื่องในพระอุโบสถนั้นเขียนขึ้นในรัชกาลที่ ๓ เมื่อทรงโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์พระอุโบสถเป็นการใหญ่ ขยายเขต วัดให้กว้างขวางขึ้น และระดมช่างเขียนฝีมือเอกมากมายทั้งช่างที่เป็น ภิกษุและฆราวาส ที่ทราบชื่อ เช่น นายมี หรือตามีบ้านบุ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งช่างหลวงยอดฝีมือ ๒ ท่าน คือ ครูทองอยู่(หลวงวิจิตรเจษฎา) และครูคงแป๊ะ (หลวงเสนีย์บริรักษ์) เป็นต้น มาเขียนประชันกันที่วัดทองนี้

เข้าประตูอุโบสถไป ก็กราบพระประธานที่มีชื่อว่า “พระศาสดา” เสียหน่อย พระประธานองค์นี้งามแบบล้านนาอิทธิพลสุโขทัย ฝีมือ เดียวกับ “พระศรีศากยมุนี” ที่วัดสุทัศน์ฯ คงจะเชิญมาจากล้านนา ในสมัยรัชกาลที่ ๑ เช่นกัน

เบื้องหลังพระประธาน ผนังตอนบนเขียนเป็นภาพสวรรค์ ตาม ความนิยม เป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีเขาสัตบริภัณฑ์เป็นบริวารขนาบอยู่ มีบันไดแก้ว ทอง เงิน ทอดให้พระพุทธเจ้าเสด็จฯ ลงมาสู่ประตูเมือง “สังกัสสะ” หลังจากโปรดพระพุทธมารดา แสดงให้เห็นชีวิตชาวบ้าน และชาววังที่กุลีกุจอจะออกมาใส่บาตรพระพุทธองค์ เป็นการตักบาตรเทโวต้นฉบับที่ของแท้

ทวารบาลเป็นเทวดาแบบไทย บนบานประตูรอง

ภาพจิตรกรรมบนผนังด้านหน้าพระประธานนี่เองที่เป็นภาพจำ ติดตาของวัดสุวรรณาราม ตอนบนระดับเหนือช่องประตูเขียนเป็นภาพ มารผจญตามขนบนิยมทั่วไป (คือ ด้านหลังพระประธานเขียนภาพ สวรรค์ ผนังหน้าเขียนมารผจญ) ภาพมารผจญที่นี่ดูเด่นเห็นชัดมาก พิเศษ ทั้งพระแม่ธรณีและหมู่มาร รวมทั้งสิงสาราสัตว์พาหนะที่ทัพมาร ขี่มาพร้อมนานาศัสตราวุธ จะเขียนตัวขนาดใหญ่มากเป็นพิเศษ ทัพมารอันน่าเกรงขามพอถูกน้ำที่บีบจากมวยผมพระแม่ธรณีท่วม ก็หกคะเมนติลังกาเรรวนอลหม่าน ผ้าผ่อนหลุดลุ่ยเปิดเปิง ดูสนุกทุก รายละเอียด ส่วนใต้ภาพมารผจญระหว่างช่องประตู เขียนพระพุทธ ประวัติตอนเสด็จฯ ออกมหาภิเนษกรมณ์ ไม่ค่อยมีใครสนใจ เพราะถูก ความเด่นใหญ่ของภาพมารผจญแย่งซีนไปหมด

ผนังด้านข้างทั้งสอง ตอนบนเหนือระดับหน้าต่างเขียนเป็นภาพ เทพชุมนุม นั่งพนมมืออยู่ ๓ ชั้น ถัดลงมา คือ ผนังระหว่างช่องหน้าต่าง เขียนเป็นทศชาดก หรือสิบพระชาติสุดท้ายก่อนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เป็นลำดับดังนี้

เตมิย์ มหาชนก สุวรรณสาม เนมิราช มโหสถ
ภูริทัต จันทกุมาร นารถพรหม วิธูรบัณฑิต เวสสันดร
ย่อเป็นหัวใจให้จำง่ายๆ จะได้สอบไล่ผ่านว่า
เต ชะ สุ เน มะ ภู จะ นา วิ เว

About the Author

Share:
Tags: ชื่นชมอดีต / anurakmagazine / ภาพจิตรกรรมวัดสุวรรณาราม / ภาพจิตรกรรม / วัดสุวรรณาราม / นิตยสารอนุรักษ์ /

เรื่องราวอีกมากมายที่คุณจะชอบ