นิตยสารอนุรักษ์ ฉบับที่ 61
เรื่อง/ภาพ: ทีมงานนิตยสารอนุรักษ์

เรื่องปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อเงินยังมีอีกมาก แต่ที่น่าสนใจและบ่งบอกถึงคุณของพระกรรมฐานที่ท่านได้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดและบังเกิดผลให้เห็นเป็นรูปธรรม เรื่องมีอยู่ว่าได้มีคนนำช้างมาถวายแก่ท่านเพื่อใช้เป็นพาหนะสำหรับเดินทาง คนเลี้ยงช้างบอกหลวงพ่อว่าจะต้องทำปลอกเท้าใส่เพื่อสะดวกในการเลี้ยง เพื่อกันมันอาละวาดเวลาตกมัน หลวงพ่อจึงได้สั่งให้ลูกศิษย์มาช่วยกันหลอมเหล็กทำปลอกเท้าช้างโดยใช้เตาสูบซึ่งให้ความร้อนสูงสามารถหลอมเหล็กได้ ในขณะที่ลูกศิษย์ทำการหลอมเหล็กหลวงพ่อได้นั่งดูอยู่ด้วย พวกลูกศิษย์ช่วยกันสูบอยู่หลายชั่วโมงเหล็กก็ไม่ยอมละลายต่างพากันอ่อนล้าไปตามๆกัน ซ้ำหลวงพ่อยังแกล้งพูดสัพยอกอีกว่าพวกเอ็งสูบไม่ดีเหล็กมันเลยไม่ละลาย พอดีถึงเวลาฉันเพลลูกศิษย์จึงนิมนต์หลวงพ่อขึ้นไปฉันเพลบนกุฏิ แต่ก่อนที่จะเดินจากไปหลวงพ่อได้ถอดจีวรแล้วโยนเข้าเตาไฟแล้วเดินขึ้นกุฏิไป พวกลูกศิษย์พอเห็นเช่นนั้นจะคว้าจีวรท่านออกมาจากเตาไฟแต่ก็ไม่ทันการเสียแล้วเพราะไฟลุกท่วมอยู่ ทว่าความมหัศจรรย์ปรากฏแก่สายตาทุกคนกล่าวคือไฟที่ลุกโชนอยู่นั้นไม่สามารถไหม้จีวรของหลวงพ่อแม้แต่น้อยก็เลยใช้คีมเหล็กคีบออกมาจากเตาไฟต่างพากันฉีกแบ่งกันคนละชิ้นเอามาผูกคอกันเป็นแถวนับว่าแปลกประหลาดอย่างยิ่งนักหลังจากหลวงพ่อขึ้นกุฏิไปแล้วเหล็กก็ละลายอย่างรวดเร็วเป็นอันว่าเขาทำปลอกเท้าช้างสำเร็จไปด้วยดี

หลวงพ่อเงินท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดท้ายน้ำใช้เวลาพอๆ กับที่วัดวังตะโก ขณะที่หลวงพ่อได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดท้ายน้ำ ก็ได้มีข้าราชการ พ่อค้า ประชาชนพากันมาหาหลวงพ่อเงินเป็นประจำเหมือนกับกับที่ท่านอยู่ที่วัดวังตะโก แล้วคณะกรรมการวัดก็ได้ให้ช่างมาทำการหล่อรูปหลวงพ่อเงินขึ้นที่วัดท้ายน้ำเหมือนกับที่วัดวังตะโกทุกๆ พิมพ์ เพื่อแจกจ่ายจำหน่ายเป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่ศรัทธาเลื่อมใสต่อองค์หลวงพ่อเมื่อหลวงพ่อเงินได้กลับไปจำพรรษาอยู่วัดวังตะโด ท่านได้แต่งตั้งและมอบหมายให้ พระครูวัตฏะสัมบัญ (ฟุ้ง) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดกับหลวงพ่อเงินองค์หนึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำและต่อมาท่านได้เป็นเจ้าคณะอำเภอโพทะเล ที่อำเภอบางคลานได้ยกเลิกมาตั้งที่ใหม่ พระครูวัตฏะสัมบัญ (ฟุ้ง) สร้างรูปหล่อหลวงพ่อเงินกาลต่อมาพระรูปหล่อหลวงพ่อเงินทุกๆ พิมพ์ ที่จัดสร้างขึ้นที่วัดท้ายน้ำได้หมดไป แต่ยังมีผู้ที่ต้องการอีกเป็นจำนวนมาก ท่านพระครูวัตฏะสัมบัญจึงได้ให้ช่างมาทำการหล่อขึ้นอีกทุกๆ พิมพ์คือ พิมพ์ขี้ตา พิมพ์นิยม พิมพ์จอบใหญ่ไข่ปลา และพิมพ์จอบเล็ก แล้วท่านก็ได้นำไปให้หลวงพ่อเงินแผ่เมตตาปลุกเสกให้แล้วนำมาแจกจ่ายที่วัดท้ายน้ำ


ในขณะที่หลวงพ่อเงินยังมีชีวิตอยู่นั้นได้มีประชาชนให้ความเคารพนับถือท่านมาก มีคนมาหาท่านมาก มีคนมาหาท่านมิได้ขาด เพื่อถวายตัวเป็นศิษย์ และมาขอเครื่องรางขอขลัง และขอให้หลวงพ่อได้รักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ด้วย หลวงพ่อให้ความเมตตาโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ เหมือนกันทุกระดับชั้น
ในช่วงท้ายๆของท่าน หลวงพ่อเงินท่านจะมีโรคประจำตัวคือ โรคริดสีดวง ท่านรักษาตัวของท่านเองบางทีก็หายไปเป็นระยะเวลานาน ๆ แล้วก็กลับมาเป็นใหม่อีก เป็นๆ หายๆ หลวงพ่อเงินท่านเคยปารภกับศิษยานุศิษย์ผู้ใกล้ชิดว่า “คนอื่นร้อยพันรักษาให้หายได้ แต่พอผงเข้าตาตัวเองกลับรักษาไม่ได้ “ ต่อมาไม่นานนักอาการของหลวงพ่อเงินก็เริ่มทรุดหนักลงเรื่อย ๆ จนยากที่จะเยียวยารักษาได้ ท่านได้บอกกับคนใกล้ชิดว่า “ กรรมเก่าของเราทำไว้อย่างไร ก็จะตายด้วยอย่างนั้น “ โรคเก่าของท่านกำเริบเป็นพิษขึ้นมาและพิษนั้นได้เข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้ท่านถึงแก่มรณภาพลง เมื่อวันศุกร์ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะแม ซึ่งตรงกับปี พุทธศักราช ๒๔๖๒ เป็นวันที่ตรงกับวันเกิดของหลวงพ่อเงินพอดี รวมสิริอายุของท่าน ๑๑๑ ปี พรรษาที่ ๙๐ การมรณภาพของหลวงพ่อเงิน นำความเศร้าโศกเสียใจให้แก่บรรดาศิษยานุศิษย์และชาวบ้านอย่างมาก ต่างพร้อมใจตกลงกันว่าจะเก็บสรีระศพของท่านไว้เป็นเวลา ๑ ปี และได้ทำ การณาปนกิจในปีต่อมา ซึ่งตรงกับเดือน ๔ ปีวอก พุทธศักราช ๒๔๖๓

แม้ว่าหลวงพ่อเงินท่านมรณภาพไปแล้วก็ตาม แต่ความศรัทธา ความเคารพนับถือมิได้ลดลง กลับมีผู้มากราบไหว้ปิดทองมิได้ขาดสาย โดยเฉพาะใน เดือน ๑๑ จะมีงานประจำปีปิดทองไหว้พระ และการแข่งขันเรือยาวประเพณี ณ วัดบางคลาน จะมีผู้คนจะหลั่งไหลเข้ามากราบไหว้นมัสการ ปิดทองหลวงพ่อเงิน มีผู้คนหลั่งไหลมากราบไหว้ขอพรหลวงพ่อเงิน หรือมาถวายสิ่งของตามที่บนบานสานกล่าวล้วนแต่ประสบความสำเร็จตามที่ปรารถนา ด้วยบารมีของท่านที่สั่งสมมาเป็นที่พึ่งพาของพุทธศาสนิกชนสืบไป