โชคร้ายซ้ำซ้อนซะขนาดนี้ที่ประเทืองยังไม่เป็นบ้าหรือฆ่าตัวตาย แต่ยังมีความหวังก้มหน้าก้มตาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเพื่อค้นหาตัวตนต่อไป เพราะตลอดชีวิตตั้งแต่ยังเล็กได้พบเจอความทุกข์ยากผ่านร้อนผ่านหนาวมามากจนกล้าแกร่ง และถึงชีวิตจะลำบากแสนสาหัสอย่างไร ก็ยังมีครอบครัว, พี่น้อง, และเพื่อนศิลปินร่วมอุดมการณ์อย่าง จ่าง แซ่ตั้ง, กมล ทัศนาญชลี, สมชัย หัตถกิจโกศล คอยหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ตามกำลัง
จากภาพวาดที่ดูมืดๆทึมๆ ประเทืองค่อยๆสร้างสรรค์ผลงานในชุดต่อๆมาให้สว่างไสวยิ่งขึ้นโดยใช้แสงอาทิตย์เป็นแรงบันดาลใจ ประเทืองตื่นแต่รุ่งสางเพื่อไปแหงนคอรอดูดวงอาทิตย์ตั้งแต่แสงแรกของรุงอรุณ พิจารณาดูความเปลี่ยนแปลงของเฉดสีของแสงในแต่ละช่วงเวลาของวัน จนดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าไป เพ่งดูแสงอาทิตย์อันสว่างจ้าจนตาแทบบอดแล้วบันทึกเป็นความทรงจำนำมาวาดเป็นภาพในจินตนาการ ประเทืองเริ่มใช้สี เขียว เหลือง น้ำเงิน แดง แทนแต่ละเฉดของแสง เติมเส้นสาย รูปทรง รายละเอียดของสรรพสิ่งอื่นๆที่สอดประสานกันในธรรมชาติ เช่น ริ้วของลมเกลียวคลื่น ดวงดาวระยิบระยับ
ในผลงานยุคแรกเริ่มที่มีสีสันประเทืองยังมักเพิ่มตัวละครรูปคนรางๆเข้าไป เฉกเช่นภาพ‘ครอบครัว’ ภาพวาดสีน้ำมันบนผ้าใบขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งซึ่งประเทืองสร้างสรรค์ไว้เมื่อปี พ.ศ. 2509 ภาพนี้ก็เต็มไปด้วยตัวละครมากมาย ถึงจะถูกวาดแบบลดทอนแต่เราก็พอจะบอกได้ว่าเป็นภาพ หญิงสาว และเด็กๆ ซึ่งต่างมีดวงตาสีดำโตเป็นประกาย จ้องมาด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังความเชื่อมั่น ตัวละครเหล่านี้ประเทืองวาดขึ้นมาเพื่อแทน ‘แม่ใหญ่’ ผู้เป็นภรรยา และลูกๆ อารมณ์ของภาพสื่อถึงกำลังใจในครอบครัวที่มีให้กัน ณ ช่วงเวลาที่อุปสรรคกำลังถาโถมเข้ามาในชีวิตบรรยากาศโดยรวมให้ความรู้สึกอบอุ่นภายใต้สีรุ้งของแสงอาทิตย์อ่อนๆ มีสะเก็ดดาวระยิบระยับคลุกเคล้าไปกับมวลหมู่ดอกไม้ดอกเล็กดอกน้อยที่ผลิบานเผยกลีบเกษร เหมือนเป็นการต้อนรับแสงแรกแห่งรุ่งอรุณที่ค่อยๆทอดมาอย่างสดใส ไม่ต่างอะไรกับชีวิตของประเทืองที่ใกล้จะพบกับแสงเรืองรองแห่งความสำเร็จ
ที่ว่าไม่ต่างเพราะบนเส้นทางศิลปะอันมืดมิดที่ผ่านมา แสงสว่างส่องทางเพิ่งพอจะมองเห็นอยู่รำไรเมื่อประเทืองได้ส่งผลงานเข้าประกวดในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 17 ประจำปี พ.ศ. 2510 ผลงานที่ส่งไปเป็นภาพแนวนามธรรมชื่อว่า ‘เลือดทองคอนกรีต’ สามารถคว้ารางวัลเหรียญเงินจากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาได้ นับเป็นรางวัลอันยิ่งใหญ่ระดับชาติรางวัลแรกในชีวิต หลังจากนั้นในปีต่อๆมาประเทืองก็ส่งผลงานเข้าประกวดในการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งต่อๆมาเรื่อยๆและได้รับรางวัลอีกหลายหน