
มีนักสะสมศิลปะหลายต่อหลายท่านถามไถ่กันมาว่า ถ้าให้เปรียบผลงานศิลปะสมัยใหม่ของไทยกับพระเครื่อง อะไรคือผลงานชุดสุดยอดเบญจภาคี งานศิลปะ 5 ชิ้นที่คอลเลคชั่นศิลปะชั้นนำสมควรมี หากกำหนดคุณสมบัติในการเลือกสรรว่าผลงานทั้ง 5 นั้นต้อง สวยสะดุดตาน่าประทับใจ เป็นงานชุดที่ดีที่สุดของศิลปินที่ดังที่สุด พิสูจน์แล้วด้วยกาลเวลาว่ามีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์ศิลปะของชาติ เป็นที่นิยมในหมู่นักสะสมผู้มากประสบการณ์ หายาก และมีมูลค่าสูง ในมุมมองของเราเบญจภาคีทางศิลปะที่ว่าเลยจะต้องประกอบไปด้วย ภาพวาดสีน้ำมันจากยุคเริ่มแรกที่ใช้สีสันแพรวพราวของ ถวัลย์ ดัชนี ภาพวาดสีน้ำมันจากยุคที่เรียนอยู่ในอิตาลีของ เฟื้อ หริพิทักษ์ ภาพวาดสีน้ำมันชุดไผ่บัวของ ทวี นันทขว้าง ภาพวาดสีน้ำมันชุดนางละครของ จักรพันธุ์ โปษยกฤต และภาพวาดสีน้ำมันชุดจักรวาลอันลือเลื่องของ ประเทือง เอมเจริญ
และถ้าถูกถามต่ออีกว่า จากทำเนียบเบญจภาคีทางศิลปะนี้ ผลงานชุดไหนหายากที่สุด เราคงจะตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่า ‘ก็ต้องชุดจักรวาลชิ้นจัดๆของ ประเทือง เอมเจริญ สิ’ เหตุเพราะผลงานศิลปะขั้นสุดชุดอื่นๆของทั้ง ถวัลย์ เฟื้อ ทวี หรือแม้แต่ จักรพันธุ์ ถึงจะหายากอย่างไร ที่ผ่านมาเรายังเคยเห็นแต่ละชุดรวมๆกันชุดละหลายๆสิบชิ้น ในขณะที่ผลงานชุดจักรวาล หากคัดเฉพาะชิ้นจักรว้าลจักรวาลแบบจัดหนัก รายละเอียดครบ ไม่ก้ำกึ่ง เท่าที่ผ่านตานั้นมีจำนวนน้อยนิดจนแทบจะนับนิ้วด้วยมือเพียงข้างเดียวได้

ประเทือง เอมเจริญ จิตรกรผู้ที่ไม่เคยได้เข้าเรียนศิลปะในสถาบันการศึกษาที่ไหนเลย แต่กลับมีฝีมือสูงส่งจากพรสวรรค์และครูพักลักจำเอาเองล้วนๆ จากที่ลำบากแสนสาหัสในวัยเด็กชีวิตก็เริ่มสุขสบายมีเงินเดือนพอกินพอใช้จากการทำงานเป็นช่างเขียนป้ายโฆษณาในโรงหนัง แต่วันดีคืนดีเกิดไปประทับใจภาพยนต์ชีวประวัติของ วินเซนต์ แวนโก๊ะ เลยเลิกอาชีพรับจ้างมาเป็นศิลปินอิสระอย่างเต็มตัวแบบฉับพลันทันด่วน ชีวิตจึงกลับมาขัดสนอีกครั้ง ผลงานในยุคแรกของประเทืองนั้นเป็นแบบกึ่งนามธรรมที่เน้นโทนสีดำมืด ยิ่งประสบกับความอัตคัดอึดอัด เป็นหนี้เป็นสิน ลูกชายเป็นมะเร็งเสียชีวิต แม่ของประเทืองป่วยทางจิตทำร้ายตัวเอง อารมณ์ความรู้สึกหมดอาลัยตายอยากเลยยิ่งสะท้อนเข้าไปอยู่ในผลงานประดุจเลือดและน้ำตาของศิลปิน ส่งผลให้ไม่มีลูกค้าสนใจซื้อหาผลงานไปแขวนประดับบ้าน หรือเก็บสะสมเพราะดูหดหู่ไม่เจริญหูเจริญตา
ประเทือง และครอบครัวแทบจะล้มหายตายจากไปแล้ว เพราะกว่าจะค้นพบแนวทางศิลปะอันเป็นเอกลักษณ์ของตนที่สาธารณชนให้ความนิยมก็อีกหลายปีให้หลัง โดยในพ.ศ. 2510 ประเทืองเริ่มเห็นแสงสว่างแห่งความสำเร็จจากการคว้ารางวัลระดับชาติรางวัลแรกในชีวิตมาได้ โดยได้รับเหรียญเงินในงานแสดงศิลปกรรมแห่งชาติครั้งที่ 17 และหลังจากนั้นก็ได้รับรางวัลอื่นๆอีกเรื่อยมาทำให้เริ่มมีชื่อเสียง และขายผลงานศิลปะได้ จากภาพวาดที่ดูอึมครึม มืดๆทึบๆ ในยุคที่ต้องอดมื้อกินมื้อ ก็ค่อยๆมีสีสัน มีความวิจิตรพิสดารซับซ้อนขึ้นไปเรื่อยๆ

ผลงานของประเทืองในชุดต่อๆมาเริ่มสว่างไสวยิ่งขึ้นโดยใช้แสงอาทิตย์สีรุ้งที่ฉายประกายเป็นแรงบันดาลใจ ประเทืองตื่นแต่รุ่งสางเพื่อไปแหงนคอรอดูดวงอาทิตย์ตั้งแต่แสงแรกของรุ่งอรุณ พิจารณาดูความเปลี่ยนแปลงของเฉดสีของแสงในแต่ละช่วงเวลาของวัน จวบจนดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าไป เพ่งดูแสงอาทิตย์อันสว่างจ้า จนตาพร่ามัวจวนจะบอด แล้วบันทึกเป็นความทรงจำนำมาวาดเป็นภาพนามธรรมในจินตนาการ ประเทืองเริ่มใช้สี เขียว เหลือง น้ำเงิน แดง แทนแต่ละเฉดของแสง รวมถึงจับเอาองค์รวมของทุกอย่าง ทั้งในและนอกโลกถ่ายทอดลงบนผืนผ้าใบด้วยเส้นสาย รูปทรง ผ่านสเปกตรัมแสง ริ้วลม เกลียวคลื่น ป่าปะการัง ใบไม้ดอกไม้ แร่ธาตุ อัญมณี ดาวฤกษ์ดาวเคราะห์ระยิบระยับ
จากการมุ่งมั่นพัฒนาประสบการณ์มาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดประเทืองประสบความสำเร็จในการดึงเอาขุมพลังงานอันมหาศาลจากทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติ มาบรรจุอัดแน่นในผลงานให้ลงตัวได้อย่างพอดิบพอดี ก่อให้เกิดเป็นผลงานชุด ‘จักรวาล’ ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับประเทืองมากที่สุดจนกลายเป็นภาพจำอันติดตาตรึงใจในหมู่สาธารณชนผู้ชื่นชมศิลปะ และในบรรดาผลงานชุดจักรวาลที่ประเทืองสร้างสรรค์ไว้จำนวนน้อยนิด มีภาพชิ้นไฮไลท์ขนาดใหญ่พอๆกันอยู่ 2 ภาพ ซึ่งประเทืองวาดขึ้นมาในปี พ.ศ. 2514 และอีกครั้งในปี พ.ศ. 2517 โดยประเทืองตั้งชื่อผลงานไว้เหมือนกันอย่างเพราะพริ้งว่า ‘บทเพลงแห่งจักรวาล’ หรือ ‘The Symphony of the Universe’ และผู้ที่ได้โอกาสรับผลงานทั้งคู่นี้ไปครอบครองก็คือ เสถียร เสถียรสุต นักสะสมศิลปะรุ่นเดอะ ผู้สนับสนุนหลักของประเทืองรวมถึงศิลปินชั้นนำอีกหลายต่อหลายท่านในยุคนั้น

เสถียร เสถียรสุต เป็นเจ้าของธุรกิจมากมายรวมถึง ‘เพลินจิตอาเขต’ ห้างสรรพสินค้าที่ตั้งอยู่ในทำเลทองย่านชิดลม ในเวลาเดียวกันเสถียรได้เปิดแกลเลอรีซื้อขายงานศิลปะชื่อว่า ‘เพลินจิตแกลเลอรี’ อยู่ภายในห้าง โดยแกลเลอรีนี้ไม่เน้นขาย แต่จะหนักไปทางซื้อเข้าซะมากกว่า เพราะเจ้าของรักงานศิลปะ อีกทั้งยังมีฐานะระดับเจ้าสัว ว่ากันว่าหากศิลปินที่เสถียรชื่นชอบอย่างเช่น ประเทือง เอมเจริญ, ถวัลย์ ดัชนี, สวัสดิ์ ตันติสุข, หรือ หม่อมหลวง ปุ่ม มาลากุล ขนรูปมาขายที่เพลินจิตแกลเลอรี พนักงานประจำแกลเลอรีก็จะโทรบอกเสถียรซึ่งโดยปกติจะใช้ชีวิตอยู่ในห้องสวีทของโรงแรมระดับห้าดาวใกล้ๆแทนการอยู่บ้าน พนักงานแค่แจ้งจำนวน ขนาด โดยเสถียรไม่จำเป็นต้องเห็นผลงานจริงก็ตัดสินใจซื้อได้ และถ้าภายหลังเสถียรมาเห็นงานที่ซื้อไว้แล้วถูกใจเป็นพิเศษก็จะโอนเงินไปให้ศิลปินเพิ่มอีก เพราะเป็นคนง่ายๆใจถึงพึ่งได้ขนาดนี้ ผลงานศิลปะชิ้นดีๆจึงหลั่งไหลมาหาเสถียรอย่างไม่ขาดสาย ศิลปินเองก็ไม่กล้าจะเอาผลงานชิ้นรองๆมาส่งเพราะถ้าขืนสเถียรไม่ถูกใจเดี๋ยวจะเสียลูกค้าคนสำคัญไป นานวันเข้าเพลินจิตแกลเลอรีจึงเต็มไปด้วยผลงานศิลปะชิ้นพิเศษระดับพิพิธภัณฑ์ และแต่ละชิ้นก็ตั้งราคาค่างวดไว้สูงลิบลิ่วเหมือนไม่อยากให้มีใครมาซื้อไป
บทเพลงแห่งจักรวาล ผลงานชิ้นสำคัญของประเทืองทั้ง 2 ชิ้นนี้ถูกเก็บรักษาอยู่ในคอลเลคชั่นของเสถียร เป็นเวลายาวนานตราบจนวันสุดท้ายที่ เพลินจิตแกลเลอรี สถานแสดงงานศิลปะอันเป็นตำนานแห่งนี้ปิดกิจการไปพร้อมๆกับห้างเพลินจิตอาเขต จนต่อมาในราวปี พ.ศ. 2540 เสถียรตัดสินใจทยอยขายภาพ บทเพลงแห่งจักรวาล ที่มีอยู่ออกมาทั้ง 2 ภาพเพื่อนำไปใช้ในธุรกิจอื่น รวมถึงสมทบทุนสร้างสถานปฏิบัติธรรม ‘เสถียรธรรมสถาน’ โดยผลงานบทเพลงแห่งจักรวาลเวอร์ชั่นที่วาดขึ้นในปีพ.ศ. 2514 ได้ถูกซื้อไปโดยสถาปนิกชาวฮ่องกงผู้ชื่นชอบงานศิลปะ ซึ่งภาพนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นที่โด่งดังที่สุดของประเทือง เอมเจริญ เพราะถูกคัดเลือกให้เป็นภาพปกหนังสือเล่มสำคัญรวบรวมผลงานของศิลปิน รวมถึงถูกบรรจุอยู่ในหนังสือ นิตยสาร และสื่ออื่นๆที่เกี่ยวกับประเทืองแทบทุกอย่าง อีกทั้งยังถูกนำไปจัดแสดงในนิทรรศการสำคัญๆทั้งใน และต่างประเทศ จนล่าสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2566 ภาพนี้ก็ถูกเปลี่ยนมืออีกครั้งไปยังเจ้าของใหม่ ทำให้ปัจจุบันผู้คนในวงการศิลปะไทยเลยยังไม่รู้ว่าภาพในชุดจักรวาลอันมีชื่อเสียงชิ้นนี้ได้ย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ ณ แห่งหนใด

ตรงกันข้ามกับผลงานบทเพลงแห่งจักรวาลเวอร์ชั่นพ.ศ. 2517 ซึ่งถึงจะสามารถสำแดงกำลังวังชาได้ดุเด็ดเผ็ดมันสูสีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเวอร์ชั่นจากปีพ.ศ. 2514 แต่กลับกลายเป็นว่ามีผู้รู้จักภาพวาดชิ้นนี้น้อยมาก ที่ผ่านมาเท่าที่รู้มีเพียงรูปถ่ายสีขาวดำรูปเล็กๆถูกตีพิมพ์เผยแพร่ประกอบบทความอยู่ในสูจิบัตรรวบรวมผลงานของประเทืองเพียงครั้งเดียว ส่วนผลงานชิ้นจริงนอกจากที่เพลินจิตแกลเลอรี ก็ไม่เคยถูกนำไปแสดงให้สาธารณชนได้ยลโฉมที่ไหน เพราะตั้งแต่เสถียรยอมขายผลงานชิ้นนี้ไปยังแกลเลอรีอีกแห่งย่านสาธร และมีนักสะสมขอซื้อต่อไปอีกทอดแทบจะทันทีในราคาทะลุ 2 ล้านบาทซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อกว่า 20 ปีก่อน ภาพวาดชิ้นนี้ก็ถูกนำไปแขวนประดับไว้ในบ้านพักส่วนตัวของนักสะสมท่านสำคัญตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ถ้าไม่ใช่ญาติ หรือบุคคลใกล้ชิดก็หมดสิทธิ์จะได้เห็น
จะหาดูยากอะไรกันขนาดนั้น หลายๆท่านคงพลันนึกสงสัย ว่าถ้าหากมีผู้ชื่นชอบผลงานชุดจักรวาลมากมาย จนมีดีมานด์มหาศาล ทำไมซัพพลายถึงได้มีอยู่เพียงหยิบมือเดียว สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะภาพวาดชุดจักรวาลโดยเฉพาะชิ้นใหญ่ๆรายละเอียดเต็มๆนั้นแต่ละภาพใช้เวลาวาดนานมาก และประเทืองเองก็สร้างสรรค์ผลงานชุดนี้อยู่ในห้วงเวลาสั้นๆเพียงไม่กี่ปีก่อนจะเปลี่ยนสไตล์ และมุ่งไปสู่ผลงานชุดถัดๆไป
โดยประเทืองเคยให้เหตุผลไว้ว่า ถึงผลงานชุดจักรวาลจะมีราคาสูง มีคนมากมายอยากได้ อยากให้ทำเพิ่มขึ้นมาอีก แต่ด้วยความรู้สึกอิ่มตัว และเวลาที่ล่วงเลยมาแล้วจึงทำไม่ได้ อีกทั้งประเทืองยังเชื่อว่าหากศิลปินยึดติดกับเงินทอง ผลิตผลงานเพื่อจุดมุ่งหมายหลักคือการขาย จะทำให้หลงทาง ความเป็นตัวตนขาดหาย คุณภาพของผลงานจะด้อยลง ความงดงามทางจิตวิญญาณจะไม่มี เหลือเพียงความสวยแบบผิวเผิน กลายเป็นแค่ภาพวาดดาดๆ ธรรมดาๆ ไม่นับว่าเป็นงานศิลปะ เพราะฉะนั้นศิลปินจึงต้องมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด ต้องค้นหา ต้องสร้างสรรค์ผลงานที่แปลกใหม่อยู่เสมอ
งามด้วยจิตวิญญาณนั้นเป็นอย่างไร หากวันใดวันหนึ่งได้มีโอกาสยืนประจันกับภาพ ‘บทเพลงแห่งจักรวาล’ ชิ้นจริงชิ้นใดชิ้นหนึ่งตรงหน้า ลองจ้องมองแล้วปลดปล่อยอารมณ์ไปกับแรงกระทบลึกๆในใจดูสิ เชื่อเถอะว่าจะรับรู้ได้ถึงมวลพลังพลุ่งพล่านมหาศาลที่มีจังหวะจะโคนสอดประสานกันอย่างคล้องจอง ผ่านท่วงทำนองแผ่วเบาพลิ้วไหว สลับสับไปกับความอึกทึกครึกโครมก้องกัมปนาท หากจะเปรียบเปรยประเทืองก็เหมือนเป็นดั่งวาทยกรชำนาญการผู้ควบคุมซิมโฟนี่ออร์เคสตราวงยักษ์ ที่สามารถจัดสรรเสียงดนตรีจากเครื่องดีด สี ตี เป่า ทุกชิ้นให้แสดงศักยภาพออกมาได้สูงสุด ในขณะเดียวกันก็ยังกลมเกลียว สนับสนุนซึ่งกันและกันจนกลมกล่อม แม้ในโมเมนต์นั้นจะเงียบสงัดไม่มีเสียงใดๆเล็ดรอดออกมา แต่ผลงานศิลปะสุดวิเศษนี้กลับสามารถกระตุ้นโสตประสาทให้ผู้ได้ยลด้วยตาดื่มด่ำซาบซ่านราวกับว่าได้รับฟังเพลงซิมโฟนี่สุดยิ่งใหญ่กำลังบรรเลงทำนองกึกก้องสะท้านจักรวาลอยู่จริงๆ