
สไตล์ และสีสันของผลงานชิ้นต่างๆในชุดนี้ดูอินเตอร์มากจนส่วนใหญ่ถูกจับจองไปโดยนักสะสมชาวต่างชาติ ภาพ ‘Despair Eclipse of Intellect’ ก็เช่นกันถูกซื้อไปโดยมิสเตอร์เอเวอร์ผู้จัดการใหญ่ของสายการบิน เค แอล เอ็ม ประจำประเทศไทย ผู้บังคับบัญชาของ มากาเร็ต ฟันเดอร์ฮุค ซึ่งขณะนั้นทำหน้าที่เป็นแอร์โฮสเตส ซึ่งเธอผู้นี้เองคือคู่ชีวิตของถวัลย์ในเวลาต่อมาอีกไม่นาน
เมื่อครบวาระการทำงานของมิสเตอร์เอเวอร์ในประเทศไทย ด้วยความหวงแหนภาพ ‘Despair Eclipse of Intellect’ จึงถูกส่งไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์พร้อมกับเจ้าของ และถูกแขวนโชว์ไว้อย่างดีที่บ้านพักในเมืองไลเดนตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ตัดกลับมาที่แกลเลอรี 20 ท่ามกลางแขกเหรื่อมากมายจนกลายเป็นมหกรรมขนาดย่อม ถวัลย์เองได้เผยความในใจให้กับผู้ที่มาร่วมงานไว้ว่า ‘ผมได้ความรู้สึกเป็นอิสระอย่างไม่มีขอบเขต ผมรู้สึกมีความสุขเหลือเกินถ้าปลดตัวเองออกจากความอลหม่านปลิวไปในความเคว้งคว้าง และอย่างไม่แยแสกับคำติฉิน และครหา ผมเคยสงสัยตัวเองมาตลอดชีวิต แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีอะไรจะเหลือให้สงสัยอีกแล้ว’
ช่วงเวลานั้นถวัลย์ค้นพบตัวตนดั่งผู้ที่ตื่นรู้ เปรียบเสมือนไก่ที่โก่งคอขัน กำลังกู่ก้องให้โลกรู้จักศิลปินไทยด้วยพลังเสียงอันอึกทึก ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะปลุกเพื่อนร่วมอาชีพที่กำลังหลับไหลให้มีไฟในการฝ่าฟันจนค้นพบหนทางสู่ความสำเร็จ ผ่านมาแล้วกว่าครึ่งศตวรรษ จนมาวันนี้เราทุกคนต่างตระหนักรู้แล้วว่า ถวัลย์ ดัชนี ได้มุ่งอุทิศทั้งชีวิตเพื่อวงการศิลปะไทยตลอดมาด้วยความยิ่งใหญ่ และเมตตา สมแล้วกับฉายา ‘จักรพรรดิแห่งผืนผ้าใบ’ ตัวจริง