นิตยสารอนุรักษ์ ฉบับที่ 64
เรื่อง/ภาพ: ดร. ณัฐธัญ มณีรัตน์
สำหรับตำรับยาจินดามณีเล่ากันว่าหลวงปู่บุญได้ตำรับโอสถวิเศษนี้มาจากบ้านหมอแผนโบราณแถบอำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยหมอท่านนั้นเสียชีวิตลง หลวงปู่บุญท่านได้ไปงานศพด้วย ลูกหลานของหมอเฒ่าผู้นั้นไม่มีใครสืบทอดวิชาแพทย์แผนโบราณเอาไว้เลย พวกเขาก็เลยไม่อยากเก็บตำราแพทย์ซึ่งเป็นสมุดไทยขาวบ้าง สมุดไทยดำบ้างเอาไว้ที่บ้าน ได้แต่ยกเอามาถวายให้แก่หลวงปู่บุญ
ด้วยเห็นว่าหลวงปู่บุญท่านสนใจในเรื่องราวเหล่านี้ ในเบื้องต้นหลวงปู่บุญท่านก็ไม่อยากรับเอาไว้เพราะที่วัดของหลวงปู่ท่านมีตำราล้ำค่ามากมายที่เก็บรักษาไว้ที่หอไตร ทว่าเมื่อหลวงปู่พลิกดูสมุดไทสองสามเล่ม ท่านก็ได้พบตำรับยาจินดามณีเข้า ฤาจะเป็นด้วยบุญวาสนาที่หลวงปู่ท่านได้บำเพ็ญเพียรเอาไว้ ท่านจึงได้ครอบครองตำรับยาวิเศษขนานนี้
หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เจ้าของตำรายาวาสนาจินดามณี (ตอน ๒)
ส่วนผสมของยาจินดามณีได้พรรณนาเอาไว้อย่างกว้างๆ ในเบื้องต้นของตำราว่า จินดา มณีโอสถพิพาสประกอบดอกคราดดอกจันทน์เกสรบุษบัน เปราะหอมกำยาน โกฐสอ โกศเขมา ทองน้ำประสาน เปลือกกุ่มชลธาร กรุงเขมาเท่ากัน ผสมแล้วตำบดพิมเสน ชะมด น้ำ ผึ้ง รวงรัน กฤษณา น้ำมะนาว น้ำมะเขือ ขื่อดั้น ผสมยาเข้าด้วยกัน บดปั้นตาก กิน เป็นยาวาสนา สรรพคุณยาจินดามณีถือว่ารักษาโรคได้ครอบจักรวาลเช่น แก้โรค จักษุ ๖ แก้ในจมูก ๓ ประการ ในลิ้น ๖ ประการ ในฟัน ในท้อง ๔ ประการ แก้ไข้ บั้นปลายก็ได้ แก้ลมมหาสดมภ์ แก้ลมราชยักษ์ กุมภกัณฑ์ยักษ์ แก้อ่อนเปลี้ย เพลียใจ คลื่นไส้อาเจียน เป็นยาครรภ์รักษา แก้หัวพิษ หัวกาฬ ละลอกน้ำ ละลอก ไฟ ผิวเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ตายไปทั้งตัวก็ดี ฝ่ายซ้ายขวาก็ดี ตีนมือคางขากรรไกรก็ดี หาสมประดีไม่ได้ไซร้ ให้เอาหญ้าฝรั่น พิมเสน ทองคำ บดด้วยยาละลาย กรองลงไปได้สติลืมตา มีน้ำตาไหล น้ำลายยืด แล้วหายแล ถ้าคนไข้บีบมือเหมือนจะออกคำ แต่ออกมิได้ ให้เอาดีหมีก็ได้ ถ้าไม่มีดีงูก็ได้ ต้มน้ำให้ละลาย ประมาณครึ่งถ้วยพริก ใส่เหล้าครึ่งหนึ่งให้กินเถิด ถึงเสลดหางวัวตีขึ้นก็ จักกลับหาย หายมามากแล้ว เป็นต้น
“โอสถนามมี จินดามณี เลิศล้ำยอดยา ผู้ใดมีไว้ ใช้กิน ใช้ทา รุ่งเรืองวัฒนา ปรารถนาสมจินต์ เงินทองมากมาย หน้าตาสดใส จิตใจโสภิณ โทษหนักเท่าหนัก จักถึงชีวิน มิต้องแดดิ้นถึงสิ้นชีวา อยากให้ใครรัก จิตตั้งประจักษ์ เห็นในพริบตา มหานิยม สมเจตนา เข้ามาหาในทันที”
“จินดามณีโอสถอันพิลาสประกอบดอกคราด ดอกจันทน์ เกสรบุษบัน เปราะหอม กำยาน โกฏสอ โกฏเขมา น้ำทองประสาน เปลือกกุ่มชลธาร กรุงเขมาเท่าๆ กัน ผสมแล้วตำบดพิมเสน ชะมด น้ำผึ้งรวงรัง กฤษณา น้ำมะนาว น้ำมะเขือขื่นคั้น ผสมเข้าด้วยกัน บดปั้นตากกิน เป็นยาวาสนาเลิศล้ำตำรา ในโลกแดนดิน ผู้ใดได้กินจะสวัสดิโสภิณกว่าคนทั้งหลาย พัสดุเงินทอง จักพูนกูนกองกว่าโลกหญิง ชาย นำมาบูชา อภิวาทบ่วาย ระงับอันตรายทั้งสี่กิริยา โทษหนักเท่าหนัก ถึงจักมรณา โทษน้อยถอยคราเคลื่อนคลายหายเอย”
แม้ว่าหลวงปู่บุญ ท่านจะใจดี แต่ก็มิวายที่จะมีคนเกรงกลัวกันมาก เนื่องด้วยท่านเป็นผู้ที่มีอำนาจ ตบะเดชะในตัว ท่านมีแววตากล้าแข็ง มีอำนาจ จึงไม่ว่าใครๆ ต่างก็พากันเกรงขามท่านกันทั้งนั้น ครั้งหนึ่งมีพระลูกวัด ๒-๓ องค์ แอบไปนั่งคุยกันเล่นอย่างสนุกสนานที่ท่าน้ำหน้าวัด ไม่ยอมท่องหนังสือ เมื่อหลวงปู่เดินมาเท่านั้น พระเหล่านั้นต่างตัวสั่นด้วยกลัวเกรงท่าน มีอยู่องค์หนึ่งที่ตกใจมากกว่าเพื่อนไม่รู้ว่าจะหลบหนีไปไหนดี เลยโดดหนีลงไปในแม่น้ำต่อหน้าต่อตาท่านทั้งๆ ที่ตอนนั้นเป็นฤดูหนาว และน้ำในแม่น้ำก็เย็นจัดหลวงปู่จึงว่า “ขึ้นมาเดี๋ยวจะเป็นตะคริวตายเสียเปล่าๆ” แล้วท่านก็อบรมสั่งสอนพระเหล่านั้นให้ประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย
หลวงปู่บุญท่านสงเคราะห์ประชาชนที่เดือดร้อนด้วยเมตตาธรรม จึงทำให้ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย บางคนมาขอฤกษ์ บางคนมาให้ท่านทำนายเกณฑ์ชะตา บางคนมาให้ท่านช่วยสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาบ้าง มาให้ท่านรดน้ำพุทธมนต์ หรือมิฉะนั้นก็มาขอยารักษาโรคจากท่าน หลวงปู่บุญท่านให้การสงเคราะห์อย่างนี้ทุกวันไม่เคยขาด ทำให้วันหนึ่งๆ แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนเลยก็ว่าได้ (โปรดติดตามต่อฉบับที่หน้า)