นิตยสารอนุรักษ์ ฉบับที่ 64
เรื่อง/ภาพ: ดร. ณัฐธัญ มณีรัตน์
นอกจากยาจินดามณีแล้ว หลวงปู่บุญท่านยังวิชาที่สำคัญยิ่งที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ นั่นคือวิชาทำเบี้ยแก้ ซึ่งเบี้ยแก้ที่หลวงปู่ท่านสร้างติดอันดับหนึ่งในสามเบี้ยแก้ยอดนิยมของเมืองไทยก็ว่าได้ หลวงปู่บุญท่านเรียนวิชาการสร้าง “เบี้ยแก้” มาจาก “พระปลัดทอง วัดกลางบางแก้ว” อาจารย์ของท่าน เล่ากันว่าพระปลัดทองท่านเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่แขก วัดบางบำหรุ ปรมาจารย์วิชาเบี้ยแก้ ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงปู่รอด วัดนายโรง เสียดายที่เบี้ยที่หลวงปู่แขกท่านสร้างนั้นหายากยิ่งและด้วยการเวลาที่ผ่านมากว่าร้อยปี จึงทำให้แทบไม่ใครเคยเห็นเบี้ยที่ท่านสร้างเอาไว้ ส่วนกรรมวีธีการสร้างเบี้ยแก้ของสำนักวัดกลางบางแก้วนั้นจะคล้ายกับตำหรับของหลวงปู่รอด วัดนายโรง คือตัวเบี้ยให้มีฟันครบ ๓๒ ซี่
บรรจุปรอทซึ่งสายสำนักวัดกลางบางแก้วจะต้องปลุกเสกปรอทให้เคลื่อนไหวได้เสียก่อนจึงจะใช้ได้เรื่องนี้ หลวงปู่เพิ่ม ปุญญวาสโน ศิษย์เอกของหลวงปู่บุญ ท่านกล่าวว่า “การทำปรอทให้มีชีวิตนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆแต่ก็ไม่ยากจนเกินความสามารถสำหรับคนที่ขี้เกียจๆฝึกปฏิบัติน้อยหน่อย ใช้เวลาฝึก ๗ ปีปรอทก็สามารถทำได้แล้ว แต่ถ้าหากใครที่ขยันปฏิบัติมากๆเสกแค่ ๗ วันก็สามารถทำสำเร็จได้เช่นกัน ถ้าหากปรอทสำเร็จได้ที่แล้ว หากจะลองพุทธคุณดู ให้ลองทำเวลาที่จะกรอกปรอท โดยมือหนึ่งถือเบี้ยไว้อีกมือเทปรอทไว้บนฝ่ามือ แค่นำมือมาชนประสานต่อกัน ปรอทก็จะวิ่งเข้าไปในหอยเบี้ยได้อย่างน่าอัศจรรย์”
แล้วจึงอุดด้วยชันโรงใต้ดินอุดใต้ท้องเบี้ยให้สนิทเรียบร้อย กรรมวิธีที่หลวงปู่บุญท่านทำไม่เหมือนกับหลวงปู่รอดคือเบี้ยแก้ของท่านจะต้องหุ้มด้วย “ผ้าแดงประทับยันต์องค์พระตราราชสีห์”แล้วจึงหุ้มด้วยแผ่นตะกั่ว ตะกั่วที่ใช้หุ้มหรือปิดนี้ก็ต้องลงอักขระเลขยันต์ “ปถมังพระเจ้าตรึงไตรภพ”ที่ท้องบี้ยซึ่งหลวงปู่บุญได้ยันต์นี้มาจากหลวงปู่ทัพ วัดทอง, “ยันต์เฑาะว์มหาพรหม” และยันต์พิเศษคือ“ยันต์นะทรงพระธรณี”ซึ่งถือว่าเป็นนะตัวเอกอีกยันต์ที่น้อยคนนักที่ศึกษาค้นคว้าเรื่องการลงเบี้ยแก้สายสำนักวัดกลางจะทราบได้ “เพราะในปัจจุบันพระเกจิรุ่นใหม่ที่ได้เรียนวิชาเบี้ยมาในยุคหลังแทบไม่ได้อักขระตัวนี้มาเลย”เพราะบางครั้งหลวงปู่ท่านก็จะไม่ลงไว้ที่ตัวเบี้ยท่านจะใช้วิธีกำหนดปฏิภาคนิมิตแล้วภาวนาเป่าลงไปที่ตัวเบี้ยดังนั้นเบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางฯจึงเป็นวิเศษมาจนถึงทุกวันนี้ อิทธิคุณและพิธีกรรมการใช้เบี้ยแก้
สำหรับอิทธิคุณของเบี้ยแก้และวิธีใช้ต่อไปนี้ ผู้เขียนได้คัดลอกจากต้นฉบับที่เดิมของวัดกลางบางแก้ว เพื่อให้ท่านที่มีเบี้ยแก้สายในไว้ในครอบครองได้ทราบถึงอิทธิคุณและการวิธีใช้อาราธนาอย่างถูกต้อง อันจะบังเกิดผลดีแก่ผู้ใช้แล
๑.ป้องกันอัตวิบากกรรม แก้ภาพหลอน จิตรหลอน ภาพอุปทาน แก้อำนาจภูผีปีศาจ อาถรรพณ์เวทย์ทำให้มัวเมาขลาดกลัว ขนพองสยองเกล้า ลมเพลมพัด คุณไสย คุณผี คุณคนทั้งปวงอุบาทวเหตุ อุบาทวภัยทั้งปวง มัวเมายาพิษ ยาสั่งทั้งหลาย ไข้ป่า ไข้ป้าง ไข่ผีป่า ผีโป่ง ผีปอบ ต้องกระทำจากภูตผี ผีพราย ผีตายโหง กองกอยวิกลจริต จิตวิกลวิกาล วิญญาณ อุปาทานวิกลเหมือนผีเข้าเจ้าสิงสู่ปราศจากสิ้นแล
๒.ให้อธิษฐานเอาน้ำมนต์ เอาดอกพุทธรักษาดอกไม้ ดอกเข็มแดงหลากสี ตั้งขันธูปเทียน ขันห้า ข้าวตอก ดอกไม้แก้บาทวพิษ บาทยัก อัมพาต บาดแผล ฝีมะเร็ง ฝีคุณ หัวพิษ หัวกาฬ ทรางชัก รางขนพอง สันนิบาตลูกหมา ลูกนก หลังแอ่น คางแข็ง บ้าหมู ภายนอกภายใน อาบกินด้วย ตั้งจิตหน่วงลง ในคุณพระศรีรัตนตรัยใช้ได้แล
๓.เมื่อเข้าศึกสงครามให้เอาไว้ด้านหน้าสารพัดศัตรู บีทาย่ำรุกไล่ให้เอาไว้ด้านหลัง หาเจ้าฟ้ามหากษัตริย์ เจ้าขุนมูลนาย ให้เอาไว้ด้านข้างขวา เมื่อหาหญิง หานางพญาไว้ข้างซ้าย สารพัดศาสตรามิต้องข้างกายเลย ดุจฝนเสนห่า ข้าวปลาอาหารเป็นพิษ คางแข็ง เคี้ยวไม่กลืนเลยแล
๔.ปลิงก็ดี ทากร้ายก็ดี มีในป่ามืด ในน้ำห้วยหนอง คลองบึง มันไม่เก่าะกินเลือดทั้งวัวทั้งควาย ช้างม้าก็ดีแล แก้งูพิษ เขี้ยวขนอน แมวเซา เห่าแก้วก็ดีมิต้องกายมาขบกัดเลยแล
วัตถุมงคลที่หลวงปู่บุญท่านได้สร้างเอาไว้ล้วนได้รับความนิยมอย่างสูง มีราคาเช่าหาเรือนแสนเรือนล้านเป็นที่ต้องการของนักนิยมสะสมพระเครื่องและผู้ที่เคารพศรัทธา เนื่องด้วยปรากฏพุทธคุณเลิศล้ำเป็นที่ประจักษ์ใครมีไว้อาราธนาติดตัวถือเป็นบุญวาสนาโดยแท้ครับ