เมื่อยังเรียนชั้นประถม เคยไปช่วยเขาเก็บดอกบัวต่างๆไปประดับศาลาที่เทศน์มหาชาติ คือเขาจะตกแต่งให้คล้ายป่ามีต้นกล้วย ต้นอ้อยผูกติดกับเสาศาลา มะพร้าวอ่อนทั้งทะลายกล้วยทั้งเครือ ส้มหรือผลไม้ที่มีในเวลานั้น เตรียมถวายติดกัณฑ์เทศน์ พระนักเทศน์บางองค์ต้องนั่งเรือจ้างมาไกลๆขากลับก็ได้ของถวายไปเต็มลำ ปัจจุบันนี้บัวหายไปจากทุ่งนาการประดับประดาศาลาด้วยดอกบัวจึงหายไปด้วย แม้คนที่จะฟังมหาชาติเวสสันดรชาดกก็เหลือน้อยลง ดูคล้ายกับว่าจะไม่มีคนอยากไปพบพระศรีอารย์กันเสียแล้ว
เรื่องของดอกบัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับตำนานต่างๆ หลายเรื่อง เช่นเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระจันทร์ถูกพระคเณศสาป เพราะพระจันทร์หัวเราะเยาะพระคเณศตอนตกจากหลังหนู คำสาปนั้นออกจะร้ายแรงคือ ถ้าใครมองพระจันทร์ก็ต้องเคราะห์ร้ายจึงไม่มีใครมอง พระจันทร์คงไม่อยากให้มนุษย์เดือดร้อนด้วยเรื่องนี้ พอตกคํ่าก็ลงไปซ่อนตัวอยู่ในดอกบัวทุกคืน นี่ก็แสดงว่าดอกบัวโตมาก
ในหนังสือนารายณ์สิบปางของเก่า เล่าถึงมนุษย์ชาวไร่สองคนผัวเมียทำไร่ถั่ว ไร่ข้าวอยู่ริมเขา มีลำธารนํ้าพออาศัยส่วนตนเองแทนที่จะปลูกเรือนอยู่บนพื้นดินกลับขึ้นไปขัดห้างอยู่บนต้นรัง เวลาจะขึ้นจะลงก็ต้องไต่ไปตามเครือเถาลดาวัลย์ที่ทำเช่นนั้นก็เพราะกลัวสัตว์ร้ายจะมาขบกินนั่นเอง
วันหนึ่งสองคนผัวเมียลงไปอาบนํ้าที่ลำธาร เห็นดอกบัวใหญ่ผุดขึ้นมาหนึ่งดอก ทั้งสองช่วยกันตัดดอกบัวแล้วหามขึ้นไปไว้บนหาง หวังจะอุทิศถวายแด่ทวยเทพ คืนนั้นทั้งสองนอนไม่หลับทั้งคืน ครั้นได้กลิ่นดอกบัวหอมฟุ้ง ดอกบัวบานขยายกลีบ มีกุมารีนั่งอยู่ในดอกบัวก็ดีใจเพราะไม่เคยมีลูก ฝ่ายเมียก็อุ้มกุมารีขึ้นวางบนตัก กุมารีนั้นคว้านมมาดูดกินทันทีและนางก็มีนํ้านมให้กินด้วย ก็โล่งใจไม่ต้องไปหานมวัวมาให้กิน
กุมารีนั้นโตวันโตคืนจนอายุประมาณ ๑๕ ปี มีรูปโฉมงามยิ่งนัก วันหนึ่งกุศลผลบุญตามมาทัน กลิ่นกายของกุมารีก็หอมฟุ้งขึ้นไปถึงดาวดึงส์ พระอินทร์ได้กลิ่นนึกประหลาดใจเล็งทิพยเนตรดูเหตุภัยก็แจ้งใจว่านางในดอกบัวโตเป็นสาวแล้วส่งกลิ่นขึ้นมาบอกให้รู้ พระอินทร์ไม่รอช้ารีบเสด็จมาสมสู่อยู่ด้วยนาง และบันดาลให้ห่างบนต้นรังกลายเป็นทิพยวิมาน
เวลาผ่านไปเพียงสิบเดือน นางกุมารีก็ประสูติโอรส ครั้นโอรสโตพอรู้ความก็อยากเห็นหน้าพ่อ และเมื่อรู้ว่าพระอินทร์เป็นพ่อก็ร้องไห้อยากพบ พระอินทร์ส่องทิพยเนตรรู้เหตุแล้วก็เสด็จลงมาสร้างบ้านเมืองให้ แล้วประทานนามพระกุมารว่าท้าวพันตา
เล่าตำนานโบราณให้อ่านพอคลายเครียด ความจริงเรื่องคนกับดอกบัวมีอีกหลายเรื่อง จะเล่าทั้งหมดก็จะยาวความมากไป
กล่าวโดยสรุป ดอกบัวเป็นดอกไม้บริสุทธิ์ หลายชาติให้ความนิยมยกย่อง พระพุทธศาสนาถือเอาดอกบัวเป็นสัญลักษณ์สำคัญทั้งในด้านประติมากรรมและสถาปัตยกรรมรูปพระพุทธเจ้าประทับนั่งบนดอกบัว หรือรูปพระอวโลกิเตศวรปัทมปาณีถือดอกบัวซึ่งจะเห็นอยู่ทั่วไป ทางฝ่ายฮินดูก็จะมีเทพหลายองค์ประทับอยู่บนดอกบัว ไม้ว่าจะเป็นพระวิษณุพระลักษมี พระพรหม ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับดอกบัวทั้งสิ้น
ชาติเก่าแก่อีกชาติคืออียิปต์ก็ยกย่องดอกบัว ทำแท่นบูชาเป็นรูปดอกบัว เทพบางองค์ประทับบนดอกบัว เช่น เทพโฮรัส (Horus) ดอกไม้ประจำชาติของอียิปต์ก็ใช้ดอกบัวและถือเป็นราชินีแห่งดอกไม้ เช่นเดียวกับอินเดียก็ถือดอกบัวเป็นดอกไม้ประจำชาติ
คนไทยแต่ครั้งโบราณ นิยมใช้ดอกบัวบูชาพระมากกว่าดอกไม้อื่น เพราะถือว่าเป็นดอกไม้บริสุทธิ์ มีกำเนิดคู่มากับพระพุทธเจ้า ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ เมืองไทยเคยอุดมไปด้วยสระบัวจนชาวต่างชาติที่เคยมาเห็นตั้งฉายานามให้ว่า แผ่นดินดอกบัว หรือ Land of Lotus ก็มี
ทำอย่างไรเราจึงจะอนุรักษ์ฉายานามนี้ให้มีอยู่ต่อไป
ทำอย่างไรเราจะมีดอกบัวจำนวนมากบูชาการเทศน์
มหาชาติอย่างที่คนโบราณเคยทำนั้นไว้ให้ได้
คนไทยที่รักชาติจริงๆ เท่านั้นจึงจะตอบได้!