ขณะเดียวกัน ต้นของมันก็ให้ความชุ่มชื้นและเป็นที่อยู่อาศัยของเชื้อรา นักวิชาการเรียกรูปแบบการเจริญเติบโตของพืชแบบนี้ว่า Mycoheterotrophic เกือบตลอดช่วงชีวิตมันจะงอกงามอยู่ใต้ดินมีรูปร่างคล้ายปะการัง หรือแผ่สาขาขนานกับผิวดิน จะโผล่ขึ้นมาให้เราเห็นเฉพาะช่วงที่มีดอก ซึ่งมักเป็นช่วงฤดูฝน ส่วนใหญ่เราพบพืชกลุ่มนี้ในป่าเขตร้อนตรงที่ร่มครึ้มและมีซากใบไม้ทับถม
วันต่อมา เราข้ามไปยังเขาหินปูนสูงชันและแหลมคมอีกลูกที่นี่เคยมีนักพฤกษศาสตร์มาทำวิจัยเก็บตัวอย่าง แต่ปีนี้ไม่มีดอกเอื้องอัญมณีให้เราชื่นชม ทำให้ต้องไต่โขดหินปูนสูงชันขึ้นไปอีกหลายจุดซึ่งแต่ละจุดค่อนข้างอันตราย จนบ่ายวันสุดท้ายที่เราจะต้องกลับลงไปก็ได้เจอกับกลุ่มดอกบานสวยงาม จากหนึ่งหรือสองดอก ค่อยๆ เป็นกลุ่มใหญ่ขึ้นตามความยากลำบากของการปีน
ชีวิตนักพฤกษศาสตร์ นักวิจัย หรือช่างภาพที่รักกล้วยไม้ไม่ง่ายเลยจริงๆ ทว่าในใจก็อิ่มเอมอย่างเหลือล้น ผมและทีมงานหยุดเก็บภาพเป็นระยะเพื่อให้ได้จำนวนประชากรหลากหลายกลุ่มจุดมหัศจรรย์สมใจนึกที่สุด คือกลุ่มที่บานแฉล้มอยู่ตรงหน้าเกือบ ๓๐ ดอก ธรรมชาติได้ซ่อนขุมทรัพย์เอื้องอัญมณีไว้ในซอกเขาหินปูนอันยิ่งใหญ่ และเมื่อเรามาพบเข้า ก็ได้แต่เก็บบันทึกภาพติดกล้องกลับไป พร้อมกับความปลื้มปีติในใจ เพียงเท่านั้น
เอื้องอัญมณีมีความงดงามอย่างไร เราต้องส่องดูกันใกล้ๆเพราะขนาดของดอกและใบเล็กจิ๋วมาก ดอกมีก้านช่อสั้นๆแทบติดอยู่กับใบซึ่งมีขนาดเพียงเหรียญบาท ใบสีเขียวเข้ม เส้นใบสีเหลืองอ่อน ดอกกลมๆ กลีบดอกมีลายเส้นสีแดง กลีบปากมีครุยละเอียด โคนกลีบปากแต่ละข้างมีเดือยรูปกรวยสีขาวคล้ายเขี้ยวหากมองเผินๆ คล้ายกับลูกนกกำลังอ้าปากรออาหารจากพ่อแม่…น่ารักน่าทนุถนอมเหลือเกิน
การเดินทางสำรวจ ตามรอยนักสำรวจหรือเรื่องราวในตำนานต่างๆ เป็นเรื่องน่าสนใจเสมอ และหากการลุยป่าฝ่าฟันอุปสรรคบรรลุจุดหมายประสบผลสำเร็จ ก็ยิ่งทำให้การเดินทางมีความหมายขึ้นอีกมากมาย
เอื้องอัญมณี ยังคงเบิกบานสดใสในใจผมไม่เคยร่วงโรยไปจากความทรงจำ