Tuesday, September 30, 2025
เพื่อสังคม ไทยเบฟ

จากแนวคิดสู่พันธมิตร : ภาคธุรกิจขยายความร่วมมือขับเคลื่อนความยั่งยืน

จากจุดเริ่มต้นในการสร้างความตื่นตัวเรื่องความยั่งยืนในกลุ่มคนทั่วไปและองค์กรชั้นนำเมื่อ 6 ปีก่อน วันนี้งานมหกรรมความยั่งยืนประจำปี 2025 หรือ Sustainability Expo 2025 (SX2025) ได้ขยายผลด้านความร่วมมือเชิงธุรกิจออกไปอีกขั้น คาดว่าในปีนี้ จะมีองค์กรในภาครัฐและเอกชนหลายรายที่ได้เริ่มเปิดการเจรจาความร่วมมือในปีที่แล้ว จะสามารถสรุปผลและนำไปสู่ความร่วมมืออย่างจริงจังกันในปีนี้

นอกจากการจัดแสดงนิทรรศการและกิจกรรมต่างๆ สำหรับสาธารณชนแล้ว เวทีกิจกรรมเชิงธุรกิจซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมหลักของงาน SX2025 เป็นอีกหนึ่งกลไกที่ขับเคลื่อนให้เกิดความยั่งยืนในหลายมิติ ที่ไม่ใช่แค่ระดับนโยบายเท่านั้น แต่เกิดกิจกรรมทางธุรกิจขึ้นจริงๆ

ออสเตรเลีย หนึ่งในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการเกษตรและมีความก้าวหน้าเรื่องกิจกรรมด้านความยั่งยืนมากในภูมิภาคนนี้ เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจและมีบทบาทในเวทีกิจกรรมเชิงธุรกิจของงาน SX มาตลอด

ในปี 2024 ที่ผ่านมา สำนักงานการพาณิชย์และการลงทุนออสเตรเลีย (ออสเทรด) ได้นำทีม บริษัทและสถาบันชั้นนำของออสเตรเลียมาร่วมนำเสนอข้อมูลและพบปะกับหน่วยงานของไทย เพื่อสำรวจโอกาสที่จะร่วมมือกันสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ ผ่านเทคโนโลยีการเกษตร เมืองอัจฉริยะ ทักษะสีเขียว (Green Skills) หรือทักษะที่จะทำให้คนยุคใหม่ใช้ชีวิตหรือดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเราได้มากขึ้น

อมีเลีย วอลช์ ทูตพาณิชย์และการลงทุนอาวุโสและอัครราชทูตที่ปรึกษา (การพาณิชย์) สำนักงานการพาณิชย์และการลงทุน (ออสเทรด) เล่าว่า หลังจากการเข้าร่วมงานในปีที่แล้ว ประเทศออสเตรเลียได้ทำงานอย่างต่อเนื่องร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้า และบริษัทเอกชนทั้งกลุ่มที่มีการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอยู่แล้วและกลุ่มที่กำลังมองหาโอกาสร่วมเป็นพันธมิตรกับประเทศไทย

ขณะเดียวกันบริษัทของออสเตรเลียได้แสดงความสนใจที่จะมาทำธุรกิจหรือร่วมเป็นพันธมิตรกับองค์กรของไทยหลายราย โดยเฉพาะในกลุ่มที่ทำธุรกิจด้านเทคโนโลยีการเกษตร  Biochar หรือการนำของเสียของเหลือใช้จากการทำการเกษตร มาทำปุ๋ยหรือปรับปรุงคุณภาพดินแทนการเผาทิ้ง   อุปกรณ์ติดปศุสัตว์เช่น สุกร เพื่อติดตามดูสุขภาพสัตว์  และมหาวิทยาลัยเมอร์ด็อก (Murdoch University) ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเปิดห้องปฏิบัติการวิจัยในหัวข้อ “การใช้ประโยชน์จากขยะและเศรษฐกิจหมุนเวียน” เพื่อส่งเสริมการวิจัยและการฝึกอบรมร่วมกันในการเปลี่ยนขยะ เช่น ฟางข้าว เศษอาหารและผลไม้ ให้เป็นไบโอพอลิเมอร์และพลาสติกชีวภาพ 

            นอกจากนี้ หลายบริษัทที่ได้มีการเจรจาเป็นพันธมิตรกับบริษัทในประเทศไทยยังเตรียมที่จะเซ็นสัญญาความร่วมมือเพื่อทำเรื่องความยั่งยืนให้เกิดเป็นรูปธรรม

นอกจากกิจกรรมที่ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างองค์กรของประเทศต่างๆ แล้ว เวทีกิจกรรมเชิงธุรกิจที่ชั้น 2 ภายในงาน SX2025 ยังมีการเสวนาและการพบปะของภาคธุรกิจอีกมากมาย เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ระหว่างองค์กรต่างๆ อาทิ การพบปะและแลกเปลี่ยนความเห็นและประสบการณ์ของวิสาหกิจชุมชน  องค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ทำงานด้านความยั่งยืน  บทบาทของการศึกษาที่จะกำหนดอนาคตอุตสาหกรรมต่างๆ ในอาเซียน  การเสวนาเรื่องความมั่นคงของทรัพยากรน้ำ  การนำเสนอเทคโนโลยีเรื่องเมืองอัจฉริยะของประเทศจีน และการพบปะกันระหว่างประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายความยั่งยืนขององค์กรชั้นนำของไทยและประเทศต่างๆ ในภูมิภาค

แม้ว่ากิจกรรมเหล่านี้จะเป็นเวทีที่ไม่ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าฟัง แต่เป็นเวทีที่มีพลังและมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนที่ภาคเอกชนและภาคธุรกิจต่างก็ให้ความสำคัญ และส่งผลให้เกิดการลงมือทำจริง งานมหกรรมความยั่งยืนหรือ Sustainability Expo จึงเป็นแพลตฟอร์มสำหรับทุกคนในสังคม ที่จะผลักดันให้เกิดแรงกระเพื่อมได้จริงๆ

            เจาะลึกแนวทางธุรกิจยั่งยืนกับเครือข่ายธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (B2B) เพื่อก้าวตามให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ในงาน Sustainability Expo 2025 (SX2025) ตลอด 10 วันเต็ม ตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน – วันที่ 5 ตุลาคม 2568  เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

About the Author

Share:

เรื่องราวอีกมากมายที่คุณจะชอบ