
โลกร้อน น้ำท่วม ปะการังฟอกขาว ฝุ่นควันในอากาศ ไฟป่า… ปัญหาเหล่านี้ดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกคนมองไปที่นโยบาย หน่วยงานรัฐ องค์การระหว่างประเทศ หรือ NGO แต่ความจริงแล้ว เรื่องความยั่งยืนและสังคมที่มนุษย์จะอยู่อย่างมีความสุขได้นั้น เป็นเรื่องของทุกคน ทุกมิติของสังคมมีส่วนช่วยแก้ปัญหาได้ นี่เป็นความเชื่อร่วมกันของคนที่รักษ์โลก
“สำหรับผม เริ่มที่ตัวเราก่อนเลย” นนทรีย์ นิมิบุตร กล่าวบนเวที “Art For Earth” จัดโดยมูลนิธิบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ (BAB) ร่วมกับ SUSTAINABILITY EXPO 2025 (SX2025)
ศิลปะ: อาวุธสู้เพื่อโลก
วสันต์ สิทธิเขตต์ ศิลปิน กวี และนักเคลื่อนไหวทางสังคม กล่าวในงานเดียวกันว่า อาวุธของศิลปินมีเพียงพู่กัน แต่ทุกคนไม่ควรหมดหวังและนั่งเฝ้าดูสังคมเสื่อมสลาย “ศักยภาพเล็กๆ น้อยๆ สามารถเปลี่ยนโลกได้ พลิกแปลงโลกได้ สิ่งเลวร้ายก็หยุดได้” เขาเน้นย้ำ
ศิลปินทั้ง 4 ท่าน ได้แก่ วสันต์ สิทธิเขตต์, วุฒิกร คงคา, นนทรีย์ นิมิบุตร และชาติชาย เกษนัส ต่างมีมุมมองตรงกันว่า ศิลปะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลง
ตัวอย่างชัดเจนคือหนังสั้นของผู้กำกับชื่อดังอย่างนนทรีย์ที่ฉายในงาน ซึ่งแม้จะมีความงามทางศิลปะ แต่กลับเป็นภาพที่ “โหดร้าย” ของสิ่งที่เกิดขึ้นกับโลก ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ไฟป่า หรือหายนะต่างๆ
งานของนนทรีย์แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ศิลปะสามารถแปลงประเด็นทางวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อน เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมลพิษ ให้กลายเป็นภาพที่เข้าถึงง่ายและกระตุ้นอารมณ์ ช่วยให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงความเร่งด่วนในการเยียวยาโลก

ศิลปะปลุกจิตสำนึก เชื่อมต่อสู่การลงมือ
ศิลปะยังเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความตระหนักและการลงมือกระทำ วสันต์ยกตัวอย่างเพื่อนศิลปินที่ยอกยาการ์ต้า อินโดนีเซีย ที่เห็นปัญหาขยะจึงนำมาสร้างงานศิลปะ และประกาศทำจำลองบูโรพุทโธจากขยะ ทำให้เกิดความสนใจอย่างกว้างขวาง รวมถึงจากภาครัฐ
งานศิลปะ โดยเฉพาะ Recycle Art ยังกระตุ้นให้เกิดการลงมือทำและนำไปสู่กิจกรรมเชิงสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เห็นมากขึ้นในช่วงที่โลกเผชิญปัญหารุมเร้า
วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ ศิลปินจาก BAB ก็มาร่วมสร้างแรงบันดาลใจ นำเสนอสินค้าที่ผสมผสานความงามกับแนวคิดความยั่งยืน
ในตลาดศิลปะสร้างสรรค์ที่คัดสรรผลงานหลากหลายแขนง ทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพถ่าย และงานออกแบบร่วมสมัย โดยศิลปินที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ วิชชุลดายังจัดเวิร์คช็อป “From Waste to Wow” บริเวณ Kid Zone ของงาน SX2025 อีกด้วย

SX Market Place: พลังคนเล็กเปลี่ยนโลก
สังคมที่ยั่งยืนต้องการผู้สร้างสรรค์และผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ภายใน SX Market Place ผู้สร้างสรรค์กลุ่มรักษ์โลกได้แสดงให้เห็นพลังของคนตัวเล็กกับการเปลี่ยนโลก สินค้าต่างๆ มีการเลือกใช้วัสดุรีไซเคิล อัพไซเคิล หรือวัสดุจากธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ เช่น สีจากธรรมชาติและผ้าออร์แกนิก เพื่อลดปริมาณขยะและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ไอเดียสร้างสรรค์จาก “ขยะ”

- กระเป๋าจากเสื้อชูชีพเครื่องบิน – แฟชั่นชิคจากของที่เคยใช้แล้ว
- LAMPHUN CITY LAB – กลุ่มนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ที่นำถุงน้ำยาฟอกไตมาออกแบบเป็นกระเป๋าไม่ซ้ำใคร
- SAME THANG – แบรนด์ที่เปลี่ยนถุงเมล็ดกาแฟเป็นไอเท็มกระเป๋าสุดชิค เกิดจากความเสียดายแพ็คเกจที่สวยงาม
- Live Like A Local จากภูเก็ต – กระเป๋าหลากสไตล์ทำจากอวนขยะจากทะเล ผสมผสานกับผ้าปาเต๊ะที่เล่าเรื่องวิถีชีวิตดั้งเดิม พร้อมส่งเสริมอาชีพแม่บ้านในชุมชน
ตัวอย่างสุดท้ายนี้เป็นการสร้างความยั่งยืนหลายมิติ ไม่ใช่แค่ Upcycling แต่ยังสร้างชุมชนเข้มแข็งอีกด้วย

ความยั่งยืนเริ่มจากจานอาหาร
ศิลปะการทำอาหารและการกินเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืน งาน SX Food Festival พยายามสะท้อนในด้านนี้ เชฟชื่อดังจากรายการเรียลิตี้ชั้นนำเข้าใจเรื่อง Zero Waste เป็นอย่างดี เชฟออฟ (ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์) ตอกย้ำแนวคิดรักษ์โลกและ Zero Waste เขาเล่าว่า เมนูสตูในงานทำจากเนื้อส่วนที่แล่ตัดแต่งออกจากร้านไฟน์ไดนิ่งของเขา และใช้ทุกส่วนของผักที่ตัดออกมาอย่างคุ้มค่า
ส่วนตัวเชฟออฟเองก็เป็นตัวอย่างการเริ่มรักษ์โลกที่ตัวเอง เพราะเลิกใช้หลอดพลาสติกมาสามปีแล้ว เป็นการเริ่มลดขยะจากการปรับพฤติกรรมการกิน
เชฟซีตรอง-วลาสุระ ณ ลำปาง เจ้าของร้านสรรพรส กล่าวว่าร้านของตนใช้แต่พืชผักออร์แกนิก และใช้วัตถุดิบ GI (Geographical Indications) หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เมนูที่นำมาขายในงานคือผัดกะเพราที่ใช้สมุนไพรหลากหลายชนิด ทุกตัวเป็นออร์แกนิก
สินค้า GI ไม่เพียงรักษาคุณภาพเฉพาะถิ่น แต่ยังช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ สนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นที่ใช้วิธีเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมี และลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการนำเข้าอาหาร
อัพเดทเทรนด์ด้านความยั่งยืนทุกมิติ เพื่อก้าวตามให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วไปพร้อมกัน ในงาน SUSTAINABILITY EXPO (SX2025) ตั้งแต่วันที่จนถึงวันที่ 5 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)