
ในการจัดทำหนังสือทริสดีแห่งองค์ประกอบ อาจารย์ศิลป์เขียนแต่ละบทขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนที่จะถูกแปลเป็นภาษาไทย และสาเหตุที่ชื่อหนังสือและเนื้อหาภายในสะกดด้วยภาษาไทยแบบแปร่งๆ นั่นก็เป็นเพราะในสมัยจอมพล ป. ราชการประกาศตัดพยัญชนะไทยที่อ่านออกเสียงซ้ำกันส่วนหนึ่งออกเพื่อให้สะกดคำง่ายขึ้น แต่ใช้กันแบบนี้อยู่ได้ไม่นานในที่สุดเราก็กลับมาเขียนแบบยากๆ พยัญชนะเยอะๆ เหมือนเฎิร์มส์
ส่วนภาพประกอบในหนังสือเรียนเล่มปฐมฤกษ์ อาจารย์ศิลป์ก็ลงมือออกแบบสร้างสรรค์และวาดขึ้นมาเองกับมือทุกภาพด้วยฝีมืออันช่ำชองของท่าน ลายเส้นบนภาพต้นฉบับที่วาดด้วยมือจึงเด็ดขาดอย่างกับพิมพ์ขึ้นมาด้วยเครื่อง ตรงไหนไม่พอใจท่านก็จะเอาสีขาวมาแต้มแล้วบรรจงวาดทับจนเพอร์เฟ็กต์ หากได้ดูใกล้ๆ จะเห็นรายละเอียดระยิบระยับพาให้เราฟุ้งระลึกถึงโมเมนต์ในอดีตขณะที่ฝรั่งอิตาลีร่างใหญ่ใจดีกำลังเล็งๆ ผ่านแว่นตากรอบกลมเลนส์หนาเตอะ เพื่อลงเส้นอย่างขมักเขม้นบนโต๊ะไม้สักในห้องทำงานสีเหลือง คลอเคล้าไปด้วยบทเพลงซานตาลูเซียจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงเบาๆ ข้างๆ มีแซนด์วิชกับกล้วยประทังความหิว ถึงจะเป็นเวลาย่ำค่ำก็ยังทำงานอยู่ไม่ไปไหน ทั้งชีวิตอุทิศให้แก่ศิลปะที่ท่านรักบนแผ่นดินไทยที่ท่านหลงใหล ไม่เคยผัดวันประกันพรุ่ง ด้วยคติประจำใจที่ว่า “พรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว”

และก็เกือบจะสายไปเสียแล้วที่ภาพต้นฉบับที่ของหนังสือเรียนศิลปะเล่มแรกของชาติ ฝีมือบิดาแห่งวงการศิลปะสมัยใหม่ของไทย เมล็ดพันธุ์ที่ก่อให้เกิดรากฐานจนกลายมาเป็นทุกๆ อย่างในวันนี้ ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากเหลือคณาเกินกว่าจะประมาณได้จะสูญสลายหายไปตลอดกาล นับเป็นบุญของเราชาวไทยจริงๆ ที่ซาเล้งคันนั้นไม่เลี้ยวรถเข้าโรงงานคัดแยกขยะรีไซเคิลไปเสียก่อน




