Saturday, October 18, 2025
ศิลปะ ชื่นชมอดีต บทความแนะนำ

ดอกบัวผลิบาน ส่วนผสมของปรมาจารย์ในงาน จักรพันธุ์ โปษยกฤต

‘ดอกบัว‘ พ.ศ. 2509 เทคนิคสีน้ำมันบนผ้าใบ ขนาด 87 x 90 เซนติเมตร ศิลปิน จักรพันธุ์ โปษยกฤต

          คนเราหากกินอะไรซ้ำ ๆ กันทุกวันมันก็เลี่ยน ไม่ต่างอะไรกับศิลปินถ้าหากสรรค์สร้างผลงานแบบเดิม ๆ ไม่สลับสับเปลี่ยนอารมณ์ กิจกรรมที่ควรจะสร้างสุขก็อาจจำเจจนกลายเป็นทุกข์ได้ เมื่อกล่าวถึงจิตรกรรมฝีมือ จักรพันธุ์ โปษยกฤต ภาพเหมือนบุคคล ภาพนางละคร หรือภาพไทยแบบในวัด น่าจะเป็นเนื้อหาที่ใคร ๆ มักจะนึกขึ้นมาได้ก่อน เพราะเห็นอยู่เป็นประจำจนคุ้นตา แต่รู้กันหรือไม่ว่า จักรพันธุ์ นั้นเป็นจิตรกรที่เก่งกาจในทุกสไตล์ และเนื้อหา จะจรดพู่กันเนรมิตภาพวาดในแนวอื่นใดขึ้นมา ก็วิเศษวิโสได้ไม่ยิ่งหย่อนกันดุจสวรรค์บันดาล 

          ดั่งเช่นผลงานจิตรกรรม ‘ดอกบัว’ เทคนิคสีน้ำมันชิ้นเขื่องจากปี พ.ศ. 2509 ยุคที่ชื่อเสียงของจักรพันธุ์เริ่มเฉิดฉายจนกลายเป็นที่รู้จักในระดับชาติ ซึ่ง ณ ขณะที่สร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้จักรพันธุ์มีอายุเพียง 23 ปี และกำลังจะรับปริญญาจากคณะจิตรกรรม และประติมากรรมมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยในปีก่อนหน้าทั้งๆที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่จักรพันธุ์ก็สามารถคว้ารางวัลจากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติมาครองได้เรียบร้อยแล้ว 

จักรพันธุ์ โปษยกฤต ในวัยหนุ่ม (ภาพจากวีดิทัศน์บุคคลดีเด่นของชาติ สาขาเผยแพร่เกียรติภูมิของไทย พ.ศ. 2552)

          ในภาพจักรพันธุ์ได้วาดดอกบัวหลวงกำใหญ่ถูกมัดให้เป็นช่อห่อหุ้มด้วยใบบัว ปูรองด้วยใบบอนสด จัดวางไว้บนโต๊ะแบบภาพหุ่นนิ่ง (Still life) ในขณะที่ดอกบัวดอกอื่นๆกำลังตูมกลับมีดอกหนึ่งผลิบาน หลุดออกมาจากกำ เผยให้เห็นสีชมพูระเรื่อของกลีบ และสีเหลืองสดของละอองเกสรที่เคยแอบซ่อนไว้ โดยภาพนี้ถูกวาดบนบอร์ดผ้าใบขนาดราว ๆ 3 คูณ 3 ฟุต นับว่ามีขนาดใหญ่โตมโหฬารเป็นพิเศษหากเทียบกับผลงานจิตรกรรมเทคนิคสีน้ำมันของจักรพันธุ์ชิ้นอื่น ๆ ซึ่งปกติจะมีขนาดเล็กกว่านี้มาก

          ฝีแปรงที่จักรพันธุ์ใช้ปลดปล่อยอารมณ์ลงไปในภาพดอกบัวนั้นช่างอิสระเสรี ปาดป้ายด้วยความแม่นยำฉับไว ใส่สีสันแพรวพราวผสมผสานอยู่ในทุก ๆ อณูของแต้มสี รวมถึงเฉดสีเขียวอมฟ้าซึ่งเป็นสีโปรดอันเป็นเอกลักษณ์

          อีกสิ่งที่ผู้ชมสัมผัสได้ในทันทีคือจักรพันธุ์ไม่ได้แค่วาดช่อดอกบัวบนโต๊ะที่เห็นอยู่ตรงหน้า แต่บรรยากาศที่จักรพันธุ์บรรจงสร้างขึ้นมาด้วยสี และทีแปรงนั้นลึกล้ำให้ความรู้สึกพิศวงกึ่งจริงกึ่งฝัน โดยเนื้อหา และอารมณ์ของผลงานชิ้นนี้ชี้นำให้ระลึกถึงภาพมาสเตอร์พีซอีกชิ้นหนึ่งโดย ทวี นันทขว้าง ที่วาดช่อดอกบัวที่มีทั้งดอกตูม และบานจัดวางไว้บนโต๊ะ ความสำคัญของภาพวาดฝีมือทวีภาพนี้มีหลายประการ ประการแรกคือเป็นภาพที่จัดแสงสีที่ให้อารมณ์แบบลัทธิเหนือจริง (Surrealism) ชิ้นแรกๆของเมืองไทย ประการที่สองผลงานชิ้นนี้เป็นชิ้นปฐมบทของซีรี่ย์ภาพชุดดอกบัวที่ส่งผลให้ทวีเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ประการที่สาม ศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี ผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นบิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ไทย ประทับใจภาพวาดภาพนี้มากจนถึงกับเลือกนำไปแขวนประดับไว้ในห้องทำงานของท่านที่มหาวิทยาลัยศิลปากรตั้งแต่เพิ่งจะวาดเสร็จในปี พ.ศ. 2499 หากใครได้มีโอกาสเข้าไปในห้องก็ต้องเห็นภาพนี้อยู่เสมอๆ รวมถึงจักรพันธุ์ที่ถูกฝากฝังโดยญาติผู้พี่ให้มาเรียนศิลปะนอกเวลากับศาสตราจารย์ศิลปตั้งแต่สมัยยังเป็นนักเรียนวชิราวุธวิทยาลัย ดังที่จักรพันธุ์เคยเล่าไว้ว่า

ห้องทำงานของศาสตราจารย์ ศิลป พีระศรี (ภาพจาก https://cbtthailand.dasta.or.th/webapp/relattraction/content/3847/)

 ‘ครั้งแรกที่พบท่านอาจารย์ศิลป
ท่านให้วาดเส้นดินสอจากรูปปั้น “ขลุ่ยทิพย์”
ของอาจารย์ เขียน ยิ้มศิริ ที่ตั้งอยู่ในห้องทำงานบ้านท่าน…หลังจากนั้น ก็มาหาท่านที่ห้องทำงานคณะจิตรกรรมฯ
เขียนอะไรก็นำมาให้ท่านดู
ท่านแนะนำให้เขียนจากของจริงคนจริง’

          จักรพันธุ์ผู้ซึ่งได้มีโอกาสแวะเวียนมาขอคำแนะนำจากศาสตราจารย์ศิลปอยู่เนือง ๆ ก็ย่อมชินตากับผลงานฝีมือทวีที่แขวนตระหง่านไว้ในห้องทำงานห้องนี้เป็นอย่างดี

          น่าสะดุดตาว่ารสชาติทีแปรงที่รวดเร็ว รุนแรง ทรงพลังในภาพวาดดอกบัวฝีมือจักรพันธุ์ยังมีจริตจะก้านราวกับได้รับแรงบันดาลใจมาจากสไตล์การวาดภาพของปรมาจารย์ด้านจิตรกรรมอีกท่านที่จักรพันธุ์ชื่นชอบร่วมด้วย นั่นก็คือ จำรัส เกียรติก้อง ซึ่งบิดาของจักรพันธุ์เป็นผู้แนะนำให้รู้จัก และหลังจากนั้นจำรัสถึงกับเปิดโอกาสให้จักรพันธุ์มานั่งสังเกตการณ์ขณะกำลังลงมือวาดภาพอยู่เสมอ

ภาพดอกบัวฝีมือ ทวี นันทขว้าง (ภาพจากนิตยสาร ART RECORD ฉบับพิเศษ 15 กันยายน 2544)

           นอกจากข้อสังเกตที่ไล่เรียงมาแล้วนี้ ภาพดอกบัวฝีมือจักรพันธุ์ยังมีความลับที่ยังไม่ถูกเปิดเผยอยู่อีกจุดหนึ่ง ซึ่งก็คือเมื่อภาพเสร็จสมบูรณ์จักรพันธุ์เลือกจรดพู่กันเซ็นชื่อไว้บริเวณมุมซ้ายล่าง แต่สันนิษฐานว่าด้วยองค์ประกอบโดยรวมของภาพที่มีรูปร่างคล้ายลูกศรชี้ทแยงจากมุมขวาบน ไปยังมุมซ้ายล่าง ลายเซ็นจึงดูราวกับถูกชี้อยู่ที่ปลายแหลมของลูกศรพอดี เพิ่มความหนักของมุมนี้เข้าไปอีก ในขณะที่มุมซ้ายบนกับมุมขวาล่างของภาพยังมีพื้นที่โล่งอยู่ จักรพันธุ์จึงเลือกย้ายลายเซ็นโดยการระบายสีทับจุดเดิม แล้วมาเซ็นชื่อและปีที่วาดไว้บริเวณมุมขวาล่างของภาพแทน ที่รู้ลึกราวกับอยู่ในเหตุการณ์ทั้ง ๆ ที่แม้แต่ศิลปินเองอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ เพราะผลงานจิตรกรรมระดับสมบัติชาติปัจจุบันมีมูลค่าสูงมาก จะเปลี่ยนมือกันแต่ละครั้งผู้ที่รับช่วงต่อก็ต้องสแกนกันอย่างละเอียดถี่ถ้วน ภาพดอกบัวชิ้นนี้จึงถูกนำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบด้วยเครื่องมือไฮเทคต่างต่างนานา รวมถึงนำเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ ทำให้เห็นปรุโปร่งทะลุผ่านทุก ๆ ชั้นสีที่ซ้อนทับ จนพบลายเซ็นที่ถูกเขียนซ่อนไว้ด้วยความเซอร์ไพรส์

บริเวณมุมซ้ายล่างของภาพ ‘ดอกบัว‘ ฝีมือ จักรพันธุ์ โปษยกฤต เมื่อมองด้วยตาเปล่า
บริเวณมุมซ้ายล่างของภาพ ‘ดอกบัว‘ ฝีมือ จักรพันธุ์ โปษยกฤต เมื่อมองผ่านเครื่องเอ็กซเรย์

          เป็นที่รู้กันว่าจักรพันธุ์รักและหวงแหนผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นมาดั่งเลือดเนื้อเชื้อไข ก่อนจะยอมปล่อยให้ตกไปอยู่กับใครต้องมั่นใจก่อนว่าเขาผู้นั้นจะดูแลรักษาได้เป็นอย่างดี ภาพดอกบัวชิ้นสำคัญจากยุคบุกเบิกชิ้นนี้จึงถูกส่งต่อไปยังหม่อมราชวงศ์ท่านหนึ่งในสายตระกูลของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เพื่อเป็นผลงานไฮไลท์ชิ้นใหญ่ที่สุดในชุดสะสมผลงานจิตรกรรมฝีมือจักรพันธุ์ที่มีจำนวนมากที่สุด และดีที่สุดชุดหนึ่งของเมืองไทย 

          ท่ามกลางคอลเลคชั่นที่รายล้อมไปด้วยภาพนางละครมากมายจนแทบครบทุกคณะ มีทั้งแบบสีน้ำมัน สีพาสเทล สีน้ำ เหตุใดภาพดอกบัวถึงสามารถยืนหยัดเฉิดฉายถึงขนาดเอาภาพสาว ๆ จากวรรณคดีเหล่านี้มาแขวนรวม ๆ กันก็ไม่สามารถบดบังออร่าได้ เพราะสำหรับผู้ที่เข้าใจศิลปะอย่างถ่องแท้แล้ว ความงดงามอันลึกซึ้งนั้นไม่จำเป็นต้องดูหวานเจี๊ยบ หรือรู้สึกวิจิตรวิลิศมาหราตั้งแต่แว็บแรกที่เห็น แต่ผลงานชั้นยอดนั้นมีอานุภาพแทรกซึมเข้าไปในอายตนะ จนความสวยด้วยตานั้นเป็นเพียงปราการด่านแรก ในขณะที่แรงกระทบใจนั้นคือหมุดหมายหลัก จะหวาน ขม อมเปรี้ยว เผ็ดซ่า หรือครบรสแบบนัว ๆ ก็ไม่ผิด สำคัญที่ยิ่งดูนานยิ่งได้ ยิ่งดื่มด่ำยิ่งวิเศษ ไม่ต่างอะไรกับไวน์ดี ๆ  หรือเมนูอาหารมิชลินสตาร์ที่รสชาติจะค่อย ๆ เผยตัว ห้ามสวาปามยัดใส่ปากแล้วกลืนเลยโดยเด็ดขาด 

          จิตรกรรมภาพดอกบัวมีดีเอ็นเอของเหล่าศิลปินใหญ่ผสมผสานกันจนกลมกล่อมโดยฝีมือจิตรกรหนุ่ม น้อยนักที่ภาพวาดซักภาพจะพร้อมสรรพไปด้วย เทคนิคแบบอคาเดมีที่ถูกต้องตามหลักคำสอนของศาสตราจารย์ศิลป บรรยากาศเหนือจริงแบบทวี ฝีแปรงแม่นยำฉับไวเหมือนจำรัส ในอารมณ์ละเมียดละไมแบบจักรพันธุ์ เฉกเช่นภาพวาดชิ้นสำคัญชิ้นนี้ 

            สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้เพราะจักรพันธุ์พร้อมเปิดรับเทคนิควิธีการจากเหล่าคณาจารย์ผู้เมตตาจากทุกแขนง และยึดมั่นในการหมั่นฝึกฝนฝีมืออย่างสม่ำเสมอ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ตะบี้ตะบัน เพื่อวันใดวันหนึ่งเมื่อมีพื้นฐานแน่นหนาแข็งแรงพอ ก็จะสามารถคลี่คลายสไตล์ผลงาน จนยึดถือเป็นเอกลักษณ์ของตนเองได้ ดังที่จักรพันธุ์เคยให้ความเห็นไว้ว่า

 ‘การรีบร้อนคลี่เมื่อไม่ถึงวัยอันเจริญ
เหมือนดอกบัวที่เขาปลิ้นกลีบ
พับเหน็บให้เป็นบัวบาน
ก็ดูสวยเหมือนกัน
แต่สวยแค่น ๆ
สู้บัวที่บานไปเองตามธรรมชาติไม่ได้’ 

          คำเปรียบเปรยนี้ ทำให้ระลึกถึงดอกบัวในภาพดอกหนึ่งซึ่งกางกลีบโดยธรรมชาติก่อนดอกไหน ๆ อีกทั้งยังหลุดล้ำนำหน้าออกมาจากช่อก่อนดอกใด ๆ เปรียบเหมือนชีวิตในห้วงเวลานั้นของจักรพันธุ์ ที่เพิ่งเรียนจบ ครบครันด้วยความรู้ มีรางวัลระดับชาติการันตี เป็นผู้ผลิบานแล้วในศาสตร์ด้านศิลปะ พร้อมจะสร้างสรรค์เผยแพร่ผลงานดั่งการกระจายเกษรอันหอมหวาน จนสัมฤทธิ์ผลเฉิดฉายกลายเป็นหัวแถวของวงการ และเป็นแบบอย่างสร้างเมล็ดพันธุ์ในใจให้ศิลปินรุ่นหลัง ที่กำลังจะเติบโตเบ่งบานต่อ ๆ ไปในอนาคต

About the Author

Share:
Tags: นิตยสารอนุรักษ์ / ศิลปะร่วมสมัย / anurakmagazine / THAI ARTISTS / ศิลปะ / contemporary artists / ศิลปินแห่งชาติ / Chakrabhand Posayakrit / จักรพันธุ์ โปษยกฤต / จิตรกรรม / ดอกบัว / lotus / thai artist /

เรื่องราวอีกมากมายที่คุณจะชอบ