ภาพอดีตพระพุทธเจ้า

ตัวอย่างภาพอดีตพระพุทธเจ้าประทับบนรัตนบัลลังก์ภายใต้ซุ้มเรือนแก้ว มีฉัตรคั่นและมีสาวกขนาบข้าง ด้านหลังมีดอกไม้ร่วงสื่อถึงสวรรค์
โดยลักษณะที่บ่งบอกถึงความเป็นจิตรกรรมสมัยอยุธยาตอนกลาง คือ ภาพอดีตพระพุทธเจ้าประทับขัดสมาธิราบปางมารวิชัยบนรัตนะบัลลังก์ฐานปัทม์ เป็นแถวยาวตลอดผนังรีทั้งสองด้าน เหมือนดังในไตรภูมิกถากล่าวไว้ว่าอดีตพระพุทธเจ้านั้นมีมากมายเหมือนดังเม็ดทรายในมหาสมุทร ซึ่งช่างเขียนจะเริ่มวาดจากประพุทธเจ้าพระองค์ไหนก็ได้ หากเราผู้ชมอยากทราบพระนามว่าพระองค์เป็นพระองค์ไหน ก็ให้ไล่ชื่อจากองค์สุดท้ายในภัทรกัปป์ขึ้นไป แต่สำหรับภาพจิตรกรรมที่วัดชมภูเวกนี้มีพระนามเป็นอักษรมอญจารึกอยู่ทุกพระองค์
คราวนี้ทราบแล้วว่าภาพอดีตพระพุทธเจ้าที่เหนือกรอบหน้าต่างนั้นเป็นลักษณะของจิตรกรรมสมัยอยุธยาตอนกลาง แล้วจะทราบได้อย่างไรว่าภาพจิตรกรรมนั้นเป็นเชิงช่างมอญ ก็มีจุดสังเกตอยู่ที่ภาพอดีตพระพุทธเจ้า คือ ผิวพระวรกายปิดทอง ครองจีวรสีแดง พระศกสีดำ และมีรัศมีสีทอง อันเป็นคตินิยมในการเขียนองค์พระของจิตรกรรมมอญสมัยอยุธยา
ภาพทศชาติชาดก

มองลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยพระนารายณ์ผ่านภาพจิตรกรรม
บริเวณผนังช่องหน้าต่างด้านผนังรีเขียนเรื่องราวทศชาติเวียนทักษิณาวัตรพระประธาน หากพูดถึงภาพทศชาติวัดไหนๆ ก็มี แต่สำหรับวัดชมภูเวกความน่าสนใจของภาพชุดนี้อยู่ที่ “ภาพกากสถาปัตยกรรม” ที่บ่งบอกว่าเป็นงานจิตรกรรมสมัยอยุธยา เช่น รูปแบบอาคารมีการเจาะช่องโค้ง มียอดแหลม (point arch) แบบสถาปัตยกรรมสมัยสมเด็จพระนารายณ์ และภาพอาคารต่างๆ ที่หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินขอ ซุ้มประตูกำแพงวังเป็นซุ้มประตูไม้แบบเสาชิงช้า
ภาพพระมาลัย

พระมาลัยขึ้นไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์ได้บอกว่าต้องทำความดีหมั่นสร้างกุศลแล้วจะได้ขึ้นสรรค์
ด้วยภาพสัตว์นรกที่ถูกลงทัณฑ์ทรมานทั้งน่าเกลียดน่ากลัว ในขณะที่บนสวรรค์นั้นทุกสิ่งงดงาม ชื่นตา เป็นจิตวิทยาเชิงกุศโลบายให้คนทำความดีละเว้นความชั่วได้อย่างเห็นภาพ เรื่องนั้นมีอยู่ว่า พระมาลัยเป็นภิกษุที่ปฏิบัติจนได้อภิญญา ท่านใช้พลังนี้เดินทางไปยังนรกขุมต่างๆ ได้พบกับผู้ได้รับการลงโทษ และกำลังอ้อนวอนให้ญาติที่ยังมีชีวิตทำบุญส่งมาให้ตนด้วย
ต่อมาเมื่อท่านนำดอกบัวขึ้นไปบูชาพระบรมสารีริกธาตุที่เจดีย์จุฬามณีได้พบพระอินทร์ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งสอนให้คนทำความดีละเว้นความชั่วเพื่อจะได้ขึ้นสวรรค์ และเทพบุตรศรีอริยเมตไตรยที่สวรรค์ชั้นดุสิต ซึ่งบอกเล่าถึงกาลภายหน้าในอีก ๕,๐๐๐ วัสสา ที่จะจุติเป็นพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕
สังเกตว่าภาพเจดีย์จุฬามณี ตัวองค์เจดีย์มีลักษณะเหมือนกลีบมะเฟืองอย่างศิลปะอยุธยา
ภาพพระแม่ธรณีบีบมวยผม

พระแม่ธรณีบีบมวยผมวัดชมภูเวกอาจารย์น. ณ ปากน้ำ ได้ชื่นชมว่าเป็นภาพพระแม่ธรณีที่งามที่สุดในประเทศไทย
เมื่อกราบนมัสการหลวงพ่อชนะมารพระประธานประจำโบสถ์เรียบร้อยแล้ว เมื่อหันหลังกลับไป ที่เหนือช่องประตูจะพบภาพมารผจญอันสมบูรณ์แบบ ด้วยฝูงมารผจญที่ดุดัน ทะลึ่งตึงตัง กักขฬะ ยิ่งขับเน้นให้ภาพพระแม่ธรณีบีบมวยผมนั้นงามหยด
โดยมากมักจะพบภาพจิตรกรรมพระแม่ธรณีบีบมวยผมในท่ายืน มีน้อยวัดมากที่ช่างจะเขียนภาพพระแม่ธรณีในท่านั่ง ซึ่งพระแม่ธรณีของวัดชมภูเวกนั้นเอวอ่อนอรชร ท่อนแขนในท่าร่ายรำนั้นก็กลมกลึงอ่อนอ่อนช้อย คนรักภาพจิตรกรรมเห็นแล้วแทบลืมหายใจทีเดียว

ภาพฉากมารผจญที่เหนือประตูหมู่มารตะลุมบอนสับสนวุ่นวายในขณะที่พระพุทธองค์ทรงสงบนิ่ง
แต่ละภาพงดงามสมศักดิ์ศรีช่างหลวงจนต้องเตือนตนเองว่า อย่ามัวชมภาพจิตรกรรมด้วยความเพลิดเพลินจนลืมเป้าหมายหลักว่าครั้งนี้มีภารกิจมาตามหาภาพจิตรกรรมสังสินไซ แต่เดินวนหาอยู่หลายรอบแต่จนแล้วจนรอดก็หาไม่พบ แม้จะมีภาพของฝูงนางกินรีที่ทำให้สันนิษฐานว่าจะเป็นภาพด่านสุดท้ายก่อนที่จะเข้าสู่เมืองยักษ์หรือไม่ แต่สุดท้ายก็ต้องตัดใจว่าไม่ใช่ เพราะชั้นเขียนสีรอบๆ ภาพเหล่านางกินรีนั้นหลุดร่อนไปเสียหมดแล้ว จึงไม่มีองค์ประกอบภาพอื่นๆ ที่จะมายืนยันได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องสังสินไซหรือไม่ เมื่อลองไปสำรวจภาพจิตรกรรมที่วิหารทางด้านหลัง แต่ก็พบเพียงภาพอดีตพระพุทธเจ้าและพุทธประวัติอย่างเชิงช่างมอญเท่านั้น
แม้ว่าการสำรวจวัดมอญสมัยอยุธยาครั้งนี้จะไม่พบภาพจิตรกรรมจากวรรณคดีสังสินไซ กระนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะการมาสำรวจครั้งนี้จึงได้มาเห็นความอลังการในเชิงช่างที่ถูกจัดให้เป็น “สกุลช่างนนทบุรี” เลยทีเดียว…เพราะเรื่องระหว่างทางก็สำคัญไม่แพ้คำตอบที่อยู่ปลายทางจริงไหมคะ



