Monday, November 10, 2025
พระเครื่อง ชื่นชมอดีต

พระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์ฐานแซม องค์น้ำหมาก

เรื่อง: คนชอบ(พระ)สวย, ปรีชา เอี่ยมธรรม

พระสมเด็จวัดบางขุนพรหมพิมพ์ฐานแซม ที่กล่าวถึงองค์นี้ นับว่าเป็นพระสมเด็จองค์ที่เคยส่งลงงานประกวดพระและได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดมามากที่สุดองค์หนึ่งกล่าวคือ ชนะเลิศที่หนึ่งจากการประกวดพระมาไม่ต่ำกว่า ๘ ครั้งในช่วงระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๒๓ พระสมเด็จฐานแซมองค์นี้มีชื่อที่กล่าวกันในอดีตว่า “องค์น้ำหมาก” เหตุที่เรียกกันติดปากว่า “องค์น้ำหมาก” ก็เพราะเหตุว่านอกจากพระจะมีการติดมาอย่างดีเยี่ยมจากแม่พิมพ์แล้ว ยังมีเสน่ห์พิเศษคือความซึ้งจากคราบน้ำหมากโบราณที่แห้งสนิทจนเป็นเกล็ดๆ ตามพื้นพระเป็นแบ็กกราวด์ทำให้ส่วนสูงขององค์พระดูเด่นชัดกว่าองค์พระอื่นๆ ที่มีความลึกคมชัดทัดเทียมกัน

ประวัติของเจ้าของเดิมของพระองค์นี้ เท่าที่สืบถามกันมาได้เป็นพระของคนนอกวงการ เป็นเจ้าของร้านขายจักรยานในจังหวัดนครสวรรค์และเมื่อพระถูกบูชามาในกรุงเทพฯ ก็พุ่งตรงไปที่สนามพระวัดราชนัดดาหลังโรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมไทย และถูกเช่าไปในราคาแพงโดยเซียนพระสมเด็จผู้โด่งดังในอดีตท่านหนึ่งชื่อ คุณไพศาล กลิ่วัฒน์ และเป็นพระสมเด็จองค์ที่คุณไพศาลส่งลงประกวดติดๆ กันในงานประกวดพระในยุคนั้น และได้รับรางวัลชนะเลิตติดต่อกัน ๔ งาน และทุกครั้งคุณไพศาลก็จะประกาศกับเพื่อนๆ เสมอว่า องค์นี้ผมไม่ดี (แปลว่าไม่ขาย) และเพราะคำพูดนี้จึงทำให้รังพระใหญ่ใจถึงอย่าง คุณสมพันธ์ พิศลยบุตร ต้องส่งนักเจรจาที่มีศิลปะและวาทะในการยั่วให้เจ้าของพระตีราคาแบบไม่ขายได้สำเร็จอีกครั้งหนึ่ง และก็ถือว่าคุณสมพันธ์ได้บูชาพระสมเด็จองค์น้ำหมากมาในราคาแพงที่สุดในยุค พ.ศ. ๒๕๑๗

ผมเข้ามาสู่วงการพระในปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ได้รับทราบข่าวจากสนามพระถึงความแพงและเสน่ห์ของพระสมเด็จองค์นี้มาโดยตลอด และเมื่อทราบข่าวว่าคุณสมพันธ์คิดจะเลิกสะสมพระ ในปีพ.ศ. ๒๕๑๙ ก็ขอให้เพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกันมากที่สุดชื่อ “พี่เขตต์” (คุณบุญญเขตต์ สรรพรัตน์) ช่วยนัดให้พบและรู้จักกับคุณสมสมพันธ์พิศลยบุตร หลังจากการได้พบกันครั้งแรก ผมก็พยายามนัดพบกับคุณสมพันธ์อีกหลายครั้ง แต่เนื่องจากคุณสมพันธ์ได้เกษียณอายุจากการทำงานแล้วและไม่รับนัดกับใครที่บ้าน จะเข้ามาในบริษัทที่ทำงานก็เป็นครั้งคราว ใครอยากไปพบก็ต้องใช้วิธีถามเลขาท่าน และเสี่ยงไปนั่งรอที่ที่ทำงาน หลายครั้งก็ต้องเสียเที่ยวไปคอยเก้อและไม่ได้พบ

ด้วยความเพียรพยายามของผม ในที่สุดวันที่โชคดีของผมก็มาถึงในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ และต้องถือเป็นวันที่โชคดีของครอบครัวผมทุกคนด้วย เพราะในวันที่ผมได้พระสมเด็จองค์นี้เป็นวันเดียวกับที่คุณพ่อได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสายสะพาย จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในสมัยนั้นมีนักธุรกิจที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชชั้นสายสะพายนับได้ไม่ถึงสิบท่าน ผมยังจำได้ดีว่าช่วงบ่ายสองโมง นั่งรถไปเป็นเพื่อนคุณพ่อที่วังสวนจิตรลดา และเมื่อส่งคุณพ่อลง ขณะที่คุณพ่อต้องเข้าสู่พิธีซักซ้อมเตรียมพร้อมเข้าสู่พิธีรับพระราชทานเครื่องราชฯ ผมก็รีบบึ่งรถไปพบคุณสมพันธ์บนถนนราชดำเนินที่ “บริษัท เหมืองแร่บูรพา”

หลังจากวันนั้นมาก็ไม่กล้าบอกใครว่าเช่าพระองค์นี้มาในราคาเท่าไร เพราะความจริงได้เช่าพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมมาในราคาเท่ากับพระซุ้มกอทุ่งเศรษฐี ซึ่งในยุคสมัยนั้นราคาของพระสององค์นี้ต่างกันเป็นเท่าๆ ตัว และเนื่องจากการบูชาพระองค์น้ำหมากองค์นี้ ผมจะต้องเช่าคู่กับพระสมเด็จบางขุนพรหมพิมพ์สังฆาฏิมาอีกองค์หนึ่งด้วย และยังต้องเสียสละพระหลวงพ่อเงินพิมพ์จอบเล็กที่พกไปในกระเป้าวันนั้นอีกองค์หนึ่งด้วย เหตุเพราะคุณสมพันธ์เอ่ยถามว่า วันนี้ผมพกพระอะไรมาจึงทำให้ท่านใจอ่อนยอมยกพระสมเด็จให้ผมและพอทราบว่าผมพกหลวงพ่อเงินในกระเป้าเสื้อ ท่านก็เอ่ยขอหลวงพ่อเงินจากผมอีกด้วย เป็นพระแถมให้เจ้าของพระ

สรุปในวันโชคดีวันนั้น ผมต้องบูชาพระสมเด็จมาสององค์ในราคา ๔๐๐,๐๐๐ บาท (เป็นราคาพระสมเด็จบางขุนพรหมที่สูงสุดในยุคนั้น) และต้องแถมพระหลวงพ่อเงินพิมพ์จอบเล็กสวยแชมป์ให้กับคุณสมพันธ์ไปด้วย ในปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ผมมีอายุได้ ๒๖ ปี และในทางธุรกิจสถานะ ผมเป็นแค่ “เสี่ย” แปลว่าเป็นลูกคนรวยแต่ยังเลี้ยงชีพด้วยเงินเดือนและโบนัสที่จ่ายโดยเถ้าแก่ซึ่งเป็นคนรวยตัวจริง ดังนั้น การเช่าพระในคราวนั้นผมต้องหมุนเงินจนหัวติ้ว และจบลงด้วยการหมุนเงินไม่ทัน และต้องจำใจขายพระที่มีอยู่เป็นครั้งแรกในชีวิต โดยต้องตัดใจแบ่งขายพระสมเด็จพิมพ์สังฆาฏิออกไปในราคา ๑๖๐,๐๐๐ บาท ซึ่งตราบจนทุกวันนี้ ทุกครั้งที่เปิดหนังสือพระและพบเห็นรูปขององค์สมเด็จพิมพ์สังฆาฏิองค์นี้ก็ยังนึกเสียตายอย่างยิ่งที่ไม่สามารถบูชารักษาท่านไว้ได้ท้ายที่สุดนี้ ต้องขอขอบคุณ อนุรักษ์ อีกครั้งที่เปิดโอกาสให้ผมได้นำเสนอประวัติและเหตุการณ์ในอดีของวงการสะสมพระเครื่อง

About the Author

Share:

เรื่องราวอีกมากมายที่คุณจะชอบ