………
วันนี้เป็นวันพระ…
เป็นวันที่พวกเราชาวคณะเดินทางใจจดใจจ่อให้มาถึงโดยไว…
พวกเรากินอาหารเช้าแบบง่ายๆ กับป้าน้อยมีข้าวเหนียว น้ำพริกปลาย่าง หมูปิ้ง ส้มผักเสี้ยน และขนมที่เหลือจากที่ป้าน้อยใส่บาตร เมื่อแหล่งบรรจุพลังงานถูกเติมเต็มก็เป็นเวลาที่เราพร้อมออกเดินทางไปยัง “บ้านเหมืองแพร่”

หมู่บ้านเหมืองแพร่อยู่ในเขตอำเภอนาแห้ว เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ในหุบเขา มีแม่น้ำเหือง หรือที่ชาวบ้านออกเสียงในสำเนียงอีสานว่า “เหียง” ไหลผ่าน ความสนใจของพวกเราอยู่ที่บ้านเหมืองแพร่อีกฟากหนึ่งของแม่ของแม่น้ำนี่เอง
ปัจจุบันอีกฟากของแม่น้ำกลายเป็นเขตแดนของแขวงไซยะบุลี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งจุดผ่อนปรนไทย-ลาว บริเวณด่านบ้านเหมืองแพร่จะเปิดให้ข้ามทุกวันพระ เพื่อให้ประชาชนทางฝั่งไซยะบุลีได้ข้ามมาค้าขายและจับจ่ายซื้อของใช้กลับไป
“เดิมบ้านเหมืองแพร่ทั้ง ๒ ฝั่งน้ำก็เป็นก็เป็นหมู่บ้านเดียวกันนี่เอง มาถูกแบ่งในช่วงเหตุการณ์ร.ศ.๑๑๒ นี่ล่ะ” จากปากคำของชาวบ้านในหมู่บ้านเหมืองแพร่ ซึ่งตรงกันกับข้อมูลที่ได้เล่าค้างไว้ในตอนต้นเกี่ยวกับเส้นแบ่งเขตแดนเขตแดนไทย-ลาว บริเวณที่เป็นทิวเขาและลำน้ำเล็กๆ

“…หลังจากที่ฝรั่งเศสได้คืนจันทบุรีให้สยาม แต่กลับไปยึดจังหวัดตราดแทน ในระหว่างนั้นได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการปักปันเขตแดนสยาม-ฝรั่งเศส กัน เพื่อทำการปักปันเขตแดนกัน โดยแบ่งเจ้าหน้าสำรวจปักปันเขตแดนออกเป็น ๒ ส่วน คือ
“ส่วนแรกที่เกี่ยวกับแม่น้ำเหือง อยู่ในส่วนของ ‘การสำรวจปักปันเขตแดนไทย–ลาว ตอนบน’ ซึ่งเริ่มตั้งแต่แก่งผาได อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย ไปตามสันปันน้ำของทิวเขาหลวงพระบาง ต่อด้วยลำน้ำเหือง จนกระทั่งออกสู่แม่น้ำโขงที่ปากแม่น้ำเหือง อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย
“เมื่อออกสู่แม่น้ำโขง จึงได้ดำเนินการในส่วนที่สอง คือ ‘ทำการสำรวจปักปันเขตแดนไทย-ลาว ตั้งแต่แม่น้ำโขง’ ตรงปากห้วยคอน อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ไปตามสันปันน้ำของทิวเขาพนมดงรัก จนกระทั่งถึงเขตรอยต่อระหว่างจังหวัดศรีษะเกษและจังหวัดสุรินทร์”
ลำน้ำสีส้มแดงที่เบื้องหน้ากว้างราว ๑๐ เมตร ลึกเพียงหัวเข่า ประชาชนที่เดินข้ามไปข้ามมา บ้างก็ลุยน้ำไป บ้างก็ไต่ทุ่นไม้ไผ่ข้ามไป แม้จะถูกกั้นออกเป็น ๒ เขตแดน แต่ความสัมพันธ์ฉันเครือญาติยังคงอยู่ โดยคนบ้านเหมืองแพร่ฝั่งไทยมีคำเรียกชาวบ้านเหมืองแพร่ที่อยู่อีกฟังของลำน้ำเหืองว่า “ฟากน้ำ” และยังคงไปมาหาสู่กันเป็นประจำ