
พัชรินทร์ ผลกาจ ประธานกลุ่มอนุรักษ์และชมรมนำเที่ยวบ้านสลักคอก เล่าว่ามีคนเตือนแบบนั้น เธอและสมาชิกในหมู่บ้านจึงรวมตัวกันก่อตั้ง “ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก” เพื่อหวังกระจายรายได้สู่ชุมชมจากกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวทั้งยังเป็นการปกป้องธรรมชาติจากคนนอกที่กำลังเข้ามาด้วย
ความน่ารักของสลักคอกอยู่ที่การใช้ชีวิตในแบบชาวประมงพื้นบ้านที่เรียบง่ายสำหรับใครที่ต้องการความผ่อนคลาย แค่เดินเล่นไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติก็อาจจะชื่นใจแล้วแต่ถ้าอยากอิ่มเอมชนิดที่เรียกว่า “เปรมปรีดิ์” จริงๆ การได้ลงไปนั่งใน “เรือมาด” แล้วล่องออกไปชมธรรมชาติผืนโตของอ่าวไทย ก็น่าจะทำให้เกิดความสุขใจได้ไม่ยาก ประธานชมรมฯ
บอกว่า ครั้งหนึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๕ เคยเสด็จฯ ประพาสเกาะช้าง และทรงเรือมาดมากอปรกับชาวเกาะช้างเดิมก็เคยมีเรือมาดเป็นพาหนะ แต่ก็ค่อยๆ หายไปตามกาลเวลา เธอจึงขอชุบชีวิตเรือมาดขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับเนรมิตให้เป็นกิจกรรมในฝันของนักท่องเที่ยว
“กอนโดลาเมืองไทย” จะค่อยๆ พานักท่องเที่ยวล่องไปตามลำคลองสลักคอก ผ่านหมู่บ้านชาวประมง ป่าโกงกางที่สมบูรณ์จนถึงปากอ่าวสลักคอก บริเวณนี้มีศาลากลางนำสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากพัก อยากเล่นนำเรือก็จะจอดให้เล่นกันได้อย่างสบายอารมณ์

“ถ้าชุมชนไม่รีบตื่นตัวและรวมกันเป็นปลาเล็กฝูงใหญ่ตั้งแต่ตอนนี้สักวันคงต้องถูกทุนนิยมซึ่งคือปลาใหญแหวกว่ายมากระทุ้งกิน”
กิจกรรมล่องเรือมาดมักจัดตอนเย็นๆเพราะเมื่อเรือล่องออกสู่ปากอ่าวสลักคอกแล้วจะเห็นพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าที่ทิวเขาซ้อนกันด้านหน้า ถือเป็นภาพที่งดงาม เพิ่มความโรแมนติกให้กับคู่รักนักเดินทางทุกคน
ทรัพยากรเป็นของสาธารณะ ทุกคนเป็นเจ้าของ ถ้าคุณมา คุณก็เป็นเจ้าของ เพราะมันเป็นสาธารณประโยชน์ของคนทั่วประเทศ เพียงแต่เราอยู่ใกล้ทรัพยากรมากที่สุด เราก็ต้องเป็นคนดูแลมันอย่างดีที่สุด พัชรินทร์บอกด้วยนํ้าเสียงมุ่งมั่น
ใช่จะมีแต่หมู่บ้านสลักคอกเท่านั้นที่เตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงกับกระแสการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป สลักเพชร ซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมและเป็นชุมชนใหญ่ที่สุดในเกาะช้าง ก็รวมพลังกันต่อต้านการท่องเที่ยวจากภายนอกด้วยการจัดการท่องเที่ยวภายในของพวกเขาเอง
