Thursday, October 9, 2025
เที่ยวไปรักษ์ไป ชื่นชมอดีต

พระราชวังเปโตรวาเลส…ราชินีแห่งยุโรปเหนือ

เรื่อง/ภาพ: นัทธ์หทัย วนาเฉลิม

จากหน้าต่างพระราชวังมองเห็นทะเลบอลติก

หากพูดถึงประเทศรัสเซีย คุณจะนึกถึงอะไร?

 หมีขาว?

ทุ่งน้ำแข็ง?

หรือกองกำลังทหารอันเข้มแข็ง?

          ทิวทัศน์นอกหน้าต่างรถไฟความเร็วสูง สลับจากพื้นที่การเกษตร เป็นทุ่งราบริมทะเลสาบ บ้านเรือนในเขตชนบท ก่อนจะเข้าสู่เขตเมือง สลับไปมาจากมอสโคจนถึงเซนปีเตอร์เบิร์ก การเดินทางในช่วงเดือนพฤษภาคมถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุด อากาศกำลังสบาย ดอกไม้ผลิบาน และที่สำคัญหมุดหมายครั้งนี้คือพระราชวังที่ได้ชื่อว่าเป็นราชินีแห่งยุโรปเหนือ ซึ่งมีระบบน้ำพุอันมหัศจรรย์ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมในช่วงนี้เอง “พระราชวังเปโตรวาเลส” หรือที่นักท่องเที่ยวคุ้นเคยในชื่อ “พระราชวังปีเตอร์ฮอฟ” ตระหง่านงามรอผู้มาเยี่ยมชมอยู่ที่ทางใต้ของอ่าวฟินแลนด์ริมทะเลบอลติก

          การก่อสร้าง

ภายในห้องนั่งเล่นประดับตุ๊กตาเซรามิกจำลองสุนัขแสนรักพันธุ์อิตาเลียน เกรย์ฮาวนด์ของสมเด็จพระจักรพรรดินีอลิซเบธ

          พระราชวังปีเตอร์ฮอฟเป็นสัญลักษณ์ของการพัฒนา และความทันสมัยในแบบตะวันตก โดยพระเจ้าปีเตอร์มหาราชทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อน การก่อสร้างแบ่งเป็น ๒ ช่วง

          “การก่อสร้างช่วงแรก” (พุทธศักราชศักราช ๒๒๕๗-๒๒๗๑) ยังมีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก จนกระทั่งพระเจ้าปีเตอร์มหาราชทรงเสด็จไปเยือนพระราชวังแวร์ซาย เมื่อพุทธศักราช ๒๒๖๐ จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะสร้างพระราชวังให้ยิ่งใหญ่ และหรูหราเทียบเท่าพระราชวังแวร์ซาย จึงทรงมีพระราชดำริให้โดเมนิโก เทรชชินี สถาปนิกชาวอิตาลีเป็นผู้ออกแบบพระราชวังในสไตล์บาโร้ก และนีโอคลาสสิค และ อเล็กซานเดอร์ เลอ บลองค์ ชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบสวน

          “การต่อเติมในช่วงที่ ๒” พุทธศักราช ๒๒๙๕ ในรัชสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดินีนาถอลิซาเบธ แห่งรัสเซีย (พุทธศักราช ๒๒๘๔-๒๓๐๕) ได้ทรงมีพระราชดำริให้ขยายพระราชวังให้ใหญ่โตรโหฐานยิ่งขึ้นโดยมีบาร์โตโล เมโมราสเตรลี่ เป็นสถาปนิก

          บางครั้งการสร้างพระราชวังให้ใหญ่โตหรูหรา ก็หาใช่เป็นความฟุ่มเฟือยเพียงอย่างเดียวไม่ แต่นับว่าเป็นการมองการณ์ไกลประการหนึ่ง ในเรื่องการหารายได้เข้าประเทศ เพราะอีก ๓๐๐ ปีต่อมา พระราชวังแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงไม่ใช่แค่ในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงในระดับโลกทีเดียว

ภายในห้องบรรทม วอลเปเปอร์ด้านหลังเป็นไหมปัก เก้าอี้หน้าเตียงเป็นกระโถนที่ซ่อนไว้ได้อย่างแนบเนียน ส่วนโต๊ะด้านหน้าเป็นที่วางมงกุฎ
หม้อบรรจุกลิ่นหอมเพื่อสร้างบรรยากาศภายในห้องอาหาร

          เส้นทางเดินชมภายในพระราชวัง

ราชบัลลังก์และพระบรมฉายาลักษณ์พระเจ้าปีเตอร์มหาราช

เมื่อเดินผ่านโถงประวัติศาสตร์จะพบภาพวาดสีน้ำมันการสู้รบระหว่างจักรวรรดิรัสเซียและจักรวรรดิออตโตมัน ใกล้กันมีเก้าอี้ที่ปักตราสัญลักษณ์รูปนกอินทรีและมงกุฎ ด้านหลังเป็นภาพวาดสีน้ำมันของเจ้าของบัลลังก์นี้กำลังทรงม้าอย่างสง่างาม ไม่ต้องบอกก็ทราบว่า คือ “พระเจ้าปีเตอร์มหาราช”

ห้องโถงถัดไปเป็น “โถงกระจกเงา” (hall of mirror) เป็นห้องที่มีแต่กระจกเงา แต่ละบานสะท้อนกันไปมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ราวความยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิรัสเซียนั้นเป็นอนันต์

ถัดมาเป็นห้องรับประทานอาหารเย็น ชื่อ “ไวท์ ดินเนอร์” (white dinner) เป็นห้องรับประทานอาหารซึ่งภาชนะบนโต๊ะล้วนเป็นกระเบื้องเคลือบสีขาวทั้งสิ้นสมชื่อห้อง มีจำนวนถึง ๒๐๐ ชิ้น ชิ้นที่โดดเด่นเป็นภาชนะทรงสูงบรรจุกลิ่นหอมสำหรับสร้างบรรยากาศ และภาชนะประจำโต๊ะที่จะขาดไม่ได้เลย คือ โถน้ำซุปที่ออกแบบมาอย่างพิเศษให้มีช่องว่างที่ฐานสำหรับบรรจุถ่านเพื่อให้น้ำซุปอุ่นอยู่เสมอ

เดินเลยไปเป็นโถงแกลอรีประดับภาพวาดสีน้ำมันบุคลากรภายในพระราชวัง ฝีแปรงของจิตรกรชาวอิตาลี จำนวน ๓๖๘ ภาพด้วยกัน

โถงกระจก (hall of mirror) เป็นโถงที่มีกระจกติดทั่วทั้งโถงสะท้อนไปมาราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
ภายในห้องแกลอรีประดับภาพวาดบุคคลากรภายในพระราชวังด้วยฝีมือจิตรกรอิตาลี จำนวน ๓๖๘ ภาพ

ที่ห้องนั่งเล่นของสมเด็จพระจักรพรรดินีอลิซาเบธประดับตุ๊กตาหมาเซรามิกอยู่ตัวหนึ่ง เป็นพันธุ์อิตาเลียนเกรย์ฮาวนด์ จำลองจากสุนัขทรงเลี้ยงเมื่อครั้งยังมีชีวิตซึ่งพระนางคงจะรักและเอ็นดูมันไม่น้อยทีเดียว ยังมีโต๊ะสำหรับเล่นไพ่ ลือกันว่าเดิมพันด้วยเพชรนิลจินดา และพระนางไม่เคยแพ้ใคร

          ถัดมาเป็นห้องสังสรรค์ (private party) เก็บสะสมข้าวของมีค่าและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์กว่า ๕,๐๐๐ ชิ้น ส่วนมากเป็นของที่อยู่คู่กับพระราชวังมาแต่เดิม

          และห้องสุดท้าย เป็นห้องที่สำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์สยาม “ห้องปีกตะวันตก”…

ห้องรับประทานอาหารเย็น ชื่อ “ไวท์ ดินเนอร์” (white dinner)

          จดหมายเหตุห้องปีกตะวันตก

ปีกตะวันตกเคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ที่ปีกตะวันตกของพระราชวังปีเตอร์ฮอฟเคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งเสด็จมาเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับสมด็จพระจักรพรรดินิโคลัส ที่ ๒ ซึ่งเป็นความสัมพันธ์อันแนบแน่นลึกซึ้งระหว่างราชวงศ์จักรีแลราชวงศ์โรมานอฟ

          มิตรภาพระหว่าง ๒ ราชวงศ์ ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระเจ้าซาร์นิโคลัสยังทรงเป็นมกุฎราชกุมาร ครั้งนั้นได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยือนสยามเมื่อพุทธศักราช ๒๔๓๔ และเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่เสด็จเยือนรัสเซียในพุทธศักราช ๒๔๔๐ ขณะนั้นมกุฎราชกุมารนิโคลัสได้ทรงสืบสันตติวงศ์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดินิโคลัสที่ ๒ แล้ว

          ในช่วงเวลานั้นสยามกำลังถูกคามจากนักล่าอาณานิคมอย่างหนัก ภาพที่สมเด็จพระจักรพรรดิทรงฉายคู่กับกษัตริย์แห่งสยามได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วยุโรป จึงเป็นภาพที่มีผลต่อประวัติศาสตร์ไทยอย่างมาก

          ในการเสด็จเยือนยุโรป ครั้งที่ ๑ ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ ทรงเสด็จพระราชดำเนินโดย เรือพระที่นั่งจักรีออกจากท่าราชวรดิฐในวันที่ ๗ เมษายน ไปขึ้นฝั่งที่เวนิชในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม และเสด็จเยือนยุโรปหลายประเทศก่อนไปเยือนที่หมายสำคัญคือ รัสเซีย

          พระยาศรีสหเทพ (เส็ง วิชัยศิริ) ได้บันทึกเรื่องราวการเสด็จเยือนรัสเซียไว้ใน จดหมายเหตุเสด็จประพาสยุโรป ร.ศ. ๑๑๖ ไว้ว่า “….ในพระราชวังปีเตอร์ฮฟที่ประทับนี้ สมเด็จพระเจ้าเอมเปอเรอจัดให้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับ มีห้องสำหรับพระน้องยาเธอ พระเจ้าลูกยาเธอ และราชองครักษ์ในพระราชวังเดียวกัน

๑ในหลายๆ ภาพวาดสีน้ำมันเกี่ยวกับการสู้รบระหว่างจักรวรรดิรัสเซียและอาณาจักรออตโตมัน

        “ส่วนข้าราชการจัดให้พักที่บ้านมิดกันเบิร์กในเขตพระราชวังปีเตอร์ฮฟ แต่ไกลจากที่ประทับประมาณ ๒๐ เส้นเศษ ในพระราชวังปีเตอร์ฮฟนี้จัดแต่งงามเต็มที่อันพึงจะจัดได้ สิ่งใดที่จะเป็นของประกอบให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชสำราญ เจ้าพนักงานจัดให้มีทุกอย่าง

          “ข้างหน้าพระราชวังเป็นสวนชายทะเล มีถนนไปมาและต้นไม้อันงาม ในหมู่ต้นไม้เหล่านี้มีน้ำพุขึ้นสูงราวกึ่งเส้นเป็นอันมากแลดูขาวไสว และสองฟากถนนลงทะเลตรงพระราชวังลงไปมีน้ำพุ ๒ แถว ปานว่าต้นไม้แก้วงามมาก ทั้งในเวลานี้เจ้าพนักงานจัดจุดประทีปและแต่งกายเป็นเกียรติยศทั่วในเมืองปีเตอร์ฮฟ การตกแต่งรับรองและความงามในที่ใกล้เคียงพระราชวังเหลือที่จะพรรณาด้วยตัวหนังสือได้…”

นอกจากนี้ในพระราชหัตถเลขาส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานแด่สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ ซึ่งทำหน้าที่สำเร็จราชการแทนพระองค์อยู่ทางกรุงเทพฯ ทั้งฉบับที่ ๓๘ และ ๓๙ ได้ทรงเล่าถึงความเป็นกันเอง และความสนิทสนมที่สมเด็จพระเจ้าซาร์นิโคลัสทรงมอบให้ดั่งคนในครอบครัว รวมถึงสมเด็จพระราชชนนีที่ทรงรักใคร่เอ็นดูพระองค์เหมือนเป็นลูก ทั้งยังเผื่อแผ่ไปยังสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธด้วย สมเด็จพระราชชนนีทรงรักใคร่เอ็นดูกอดจูบด้วยเห็นเป็นลูกหลาน…เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ความประทับใจระหว่างสองราชวงศ์ที่ต่างเชื้อชาติ ศาสนา และที่สำคัญห่างไกลกันคนละซีกโลก

ข้างใต้น้ำตกแกรนด์ แคสเคด เป็นพิพิธภัณฑ์ย่อยเกี่ยวกับน้ำพุ

About the Author

Share:

เรื่องราวอีกมากมายที่คุณจะชอบ